· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงต่อท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน จากกลุ่มนักลงทุนที่กังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และภาคบริษัทรวมถึงนักวิเคราะห์ต่างๆที่ออกมากล่าวเตือนถึงไวรัสโคโรนาอาจบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และทำให้หุ้นต่างๆมีการเข้าสู่สภาวะปรับฐานมากขึ้น
โดยดาวโจนส์ปิดปรับลงอีก 1,190.95 จุด หรือ -4.4% ที่ 25, 766.64 จุด โดยในช่วง 4 วันทำการดาวโจนส์ปิดปรับลงแล้วกว่า 3,223 จุด โดยที่อัตราการปิดปรับลงล่าสุดถือว่าแย่ที่สุดตั้งแต่ก.พ. ปี 2018 ทางด้าน S&P500 ปิดปรับลง 4.4% ที่ 2,978.76 จุด เป็นการปิดต่ำกว่า 3,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต.ค.ปีที่แล้ว ทางด้าน Nasdaq ปิด -4.6% ที่ 8,566.48 จุด ซึ่งดัชนี S&P500 และ Nasdaq มีระดับการปิดรายวันล่าสุดที่แย่ที่สุดตั้งแต่ส.ค. ปี 2011
ทั้งนี้ หุ้นสหรัฐฯหลักทั้ง 3 ดัชนีข้างต้นดูจะเคลื่อนไหวแบบสะสมพลัง โดยภาพรวมจะเห็นได้ถึงการที่ดัชนีหลักปรับตัวลงกว่า 10% เมื่อเทียบจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง และในช่วง 10 วันทำการดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงจากระดับ All-Time High ที่ทำไว้
และจะเห็นได้ว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดสำหรับดัชนีดาวโจนส์และ S&P500 ที่แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2008 โดยที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลงกว่า 11% และ S&P500 ปรับลงไปแล้วกว่า 10.8%
ความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาดูจะกระทบต่อผลประกอบการของภาคบริษัทและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางตลาดหุ้นที่ได้รับแรงกดดันตลอดทั้งสัปดาห์จากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นนอกประเทศจีน และเกาหลีใต้ที่มีผู้ติดเชื้อสูงกว่า 1,700 ราย ขณะที่อิตลีติดเชื้อแล้วกว่า 600 ราย
ภาพรวมช่วง 6 วันทำการจะเห็นว่า S&P500 มีการเคลื่อนไหวเข้าสู่ภาวะสะสมพลัง โดยเป็นการปรับลงอย่างรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ และ 3 ดัชนีหลักต่างมีภาพรวมสัปาดห์ที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตทางการเงิน จากความกังวลในเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ยังคงกดดันความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุน
ดัชนี S&P500 ร่วงลงมาอย่างรวดเร็วกว่า 10% จากระดับ All-Time High ที่ทำไว้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ และความเร็วในการปรับตัวลงส่งผลให้เป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดเหมือนช่วง Black Monday ที่เกิดขึ้นในเดือนต.ค. ปี 1987 หลังจากที่ดัชนีไปทำสูงสุดในเดือนส.ค. ปี 1987
และภาพรวมมี 27 ตลาดที่เข้าสู่ภาวะสะสมพลังนับตั้งแต่ที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีอัตราเฉลี่ยการปรับลงกว่า 13.7% ในช่วง 4 เดือน
และมี 12 ตลาดที่เข้าสู่ภาวะขาลง “Bear Market” นับตั้งแต่ที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นกัน ด้วยอัตราการปรับลงกว่า 32.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงกันมากที่สุดตั้งแต่ช่วง ต.ค. 2007 - มี.ค. 2009 ที่ช่วงนั้นตลาดปรับลงกว่า 57% โดยดัชนีS&P500 ปิดในตลาดขาลงในช่วงธ.ค.ปี 2018 เมื่อพิจารณาจากข้อมูลรายวัน
· หุ้นยุโรปปิดปรับลงกว่า 3.6% ท่ามกลางหุ้นส่วนใหญ่ที่ดูจะเข้าสู่สภาวะปรับฐานหลังจากที่ลงมาแล้วกว่า 10% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ โดยที่ดัชนี DAX ของเยอรมนีก็ปิด -3.1% อังกฤษปิด -3.5% และฝรั่งเศสปิด -3.2%
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง หลังจากที่ดัชนีหลักส่วนใหญ่ของตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงไปเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลกที่ทำให้เหล่านักลงทุนกลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 3.1% ขณะที่ดัชนี Topix ลดลง 2.99%
สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ข้อมูลภาคค้าปลีกของญี่ปุ่นปรับลดลง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมกราคม ขณะที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลดลง 1.1%
ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ ลดลง 1.48% ขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียลดลง 3.26%
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.62%
· นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ ไว้ที่ระหว่าง 31.55-31.70 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการขายกิจการของบริษัทเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย เปิดเผยว่า เทสโก้ได้แจ้งต่อผู้ที่สนใจซื้อกิจการดังกล่าว ให้ยื่นข้อเสนอภายในวันนี้ก่อนที่บริษัทจะประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ การประมูลซื้อกิจการเทสโก้ในไทยและมาเลเซีย ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านเหรียญ จะเป็นการชิงกันระหว่างกลุ่มทุนขนาดใหญ่ของไทย 3 กลุ่ม ได้แก่ ตระกูลสิริวัฒนภักดี, เจียรวนนท์ และจิราธิวัฒน์
- รายงานข่าวจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการ (วิศวกรรมและก่อสร้าง) รฟม. เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ปี 62 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ครั้งที่ 1/63 เป็นการประชุมนัดแรกเพื่อพิจารณาแผนการดำเนินงานการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการฯ
- นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต, CFA Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ในขณะนี้ที่ไวรัสโควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดไปในหลายประเทศมากขึ้น อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอิตาลี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในจีนเริ่มลดลง
รวมถึงในหลายประเทศเริ่มมีการยกระดับมาตรการป้องกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยวของไทยซึ่งคิดเป็นประมาณ 13% ของ GDP จึงส่งผลให้ GDP ของไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลงมากกว่าที่ตลาดคาด
- นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีมติอนุมัติให้ปรับโครงสร้างการทำงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กรที่มุ่งเน้นความสำคัญใน 3 ด้าน ได้แก่ ลูกค้าและพันธมิตร (Customer Focus) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุน (Capital Market Infrastructure) และการยกระดับประสิทธิภาพ (Efficiency Improvement) เพื่อเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตลาดทุนไทยในยุคดิจิทัล โดยมุ่งทำงานร่วมกับพันธมิตรในการสร้างการเติบโตไปพร้อมกันทุกภาคส่วน ภายใต้วิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market 'Work’ for Everyone” พร้อมมอบหมายหน้าที่แก่ผู้บริหารระดับสูง มีผลตั้งแต่ 16 มีค เป็นต้นไป
- บมจ.ยูเอซี โกลบอล หรือ UAC เผยผลการดำเนินงานงวดปี 62 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.54 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 153.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท หรือคิดเป็น12.50 % จากการรับรู้รายได้ของธุรกิจเทรดดิ้ง และไบโอดีเซล ขณะที่บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.135 บาท เตรียมขึ้น XD วันที่ 16 มี.ค. 63 พร้อมกำหนดจ่าย วันที่ 30 เม.ย. 63
- SINGER ผู้นำเรื่องสินเชื่อเงินผ่อน ประกาศผลงานปี 62 กำไรสุทธิพุ่ง 305.4% อยู่ที่ 165.89 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2558 บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.10 บ./หุ้น กำหนดจ่าย 22 พ.ค.นี้ ขณะที่รายได้อยู่ที่ 2,610.37 ล้านบาท อวดผลงาน Q4/62 ประสบความสำเร็จ กำไรโต 121% อยู่ที่ 42 ล้านบาท รายได้ 721 ล้านบาท ส่วน NPL ต่ำสุดในรอบ 3 ปี อยู่ที่ 9.4% ด้านแม่ทัพใหญ่ “กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์” เผยปี 62 เป็นปีของการสร้างฐานกำไรที่มั่นคง พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ“รถทำเงิน” เต็มกำลัง หลัง ธปท. อนุมัติใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal – Loan) แย้มเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จัดทัพทีมขายบุกตลาดทั่วประเทศ เชื่อเป็นดาวเด่นสุดในปี 63
- นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 'PRIME’ ผู้ผลิตพลังงานทดแทนระดับภูมิภาคเปิดเผยว่า“บริษัทฯมีความภูมิใจจะรายงานผลประกอบการในปี 62 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีรายได้รวม 658 ล้านบาท เทียบกับรายได้รวม 747 ล้านบาทในงวดปี 2561 โดยปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ จากผลขาดทุนสุทธิ 504 ล้านบาทในปี 2561(ซึ่งเดิมเป็นธุรกิจกลุ่มอาหารของผู้ถือหุ้นกลุ่มอื่น) โดยปัจจุบันPRIME มีอัตรากำไรสุทธิในปี 62 สูงถึง 40% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าและมีอัตราหนี้สิน ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) เพียง 0.88 เท่า โดยไม่มีหนี้สินในระดับองค์กรจึงสามารถ ที่จะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายกิจการได้อย่างเต็มที่”
- PLANET โชว์รายได้รวมปี 62 เท่ากับ 849.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังขายสินค้าโครงการใหญ่มูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท แจงเหตุทำผลงานทั้งปีพลิกขาดทุนจากการตั้งสำรองทางบัญชี บิ๊กบอส "ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์" ปักธงปี 63 เน้นสร้างธุรกิจเกิดใหม่ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% และกำไรสูงขึ้น