ทองลงกว่า 3% ท่ามกลาง Safe Haven ที่ดูจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว!
· ตลาดทั่วโลกกำลังเผชิญและตอบรับวิกฤตไวรัสโคโรนา และทองคำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกถือครองกลับกำลังปรับลงแรง
โดยจะเห็นได้จากการที่ราคาทองคำปรับตัวลงไปกว่า 3% เข้าร่วมการปรับลงของตลาดน้ำมันและหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวลงรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตทางการเงินในปี 2008
· ทองคำหลุด $1600
สัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับลงกว่า 57.50 เหรียญ หรือ -3.5% ที่ 1,585 เหรียญ
ถือเป็นระดับการปรับลงรายวันที่มากที่สุดตั้งแต่ก.พ. 2018 ที่ ณ เวลานั้นทองลงไป 4.6%
ภาพรวมสัปดาห์นี้สัญญาทองคำปรับลงกว่า 3.7% แต่ถ้ามองภาพใหญ่รายเดือนยังทรงตัวและอยู่ในทิศทางเชิงบวก
ทองคำตลาดโลกทรงตัวที่ 1,585 เหรียญโดยประมาณ หรือ -3.5% และมีภาพรายสัปดาห์และรายเดือนปรับลงประมาณ 0.3%
· นับตั้งแต่เดือนที่แล้วทองคำถูกต้องการในฐานะ Safe Haven จากวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยจะเห็นว่าช่วงต้นสัปดาห์ทองคำขยับขึ้นใกล้ทดสอบ 1,700 เหรียญ จึงจุดประกายความหวังที่จะเห็นทองกลับขึ้นไปที่ 1,900 เหรียญที่เคยเป็นระดับสูงที่สุดของทองคำได้ในช่วงปลายปีนี้
แต่ไม่ทันก้าวผ่านคืนวันศุกร์ ราคาทองคำก็ร่วงลงแรง ขณะที่กลุ่มนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ย้ำมุมมองถึงการเผชิญกับภาวะการรองรับ Margin จากกรณีถูกเรียก Call หรือ ภาวะ Margin Call อันเนื่องจากเหล่าเทรดเดอร์ทอวง และแรงเทขายของบรรดา Hedge Funds
· ทำไมทองไม่ไปถึง $1700
· นักวิเคราะห์จาก OANDA มองว่า Hedge Funds ไม่ต้องการให้พอร์ตที่ดูดีในเดือนก.พ.นี้เผชิญกับการขาดทุนหรือเสียหายจาก Margin Call กรณีมี Derivative ที่พ่วงกับการถือครองหุ้น ในสภาวะที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงแบบนี้
· นักวิเคราะห์รายอื่นๆ อาทิ RBC Wealth Management คิดว่า ภาวะ Margin Calls ที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการที่พวกเขาต้องการหรือจำเป็นต้องมีเงินสดในมือมากขึ้น แต่ทองคำก็ยังเป็น “ขาขึ้น” แม้จะปรับตัวลงมาเช่นนี้ และทองคำดูจะมีสัญญาณที่ดีขึ้น หากในช่วง 2-3 สัปดาห์จากนี้หุ้นยังคงเคลื่อนไหวแดนลบ
โดยเฉพาะหากยังเกิดภาวะ Panic Selling ต่อในสัปดาห์หน้า ทองคำก็ยังมีแววสดใสกลับมาในฐานะ Safe Haven หรือหากตลาดหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น เราก็อาจเห็นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนตัวลงต่อได้
· หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า นักลงทุนและเทรดเดอร์จำนวนมากเผชิญภาวะ Margin Calls ในสินค้าต่างๆที่เลือกถือครองไว้ จึงทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะเทขายทองคำเท่าที่เขาจะขายได้เพื่อเปลี่ยนมาถือเงินสดในมือ และนี่ทำให้เกิดแรงเทขายไปทั่วตลาด
· การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาก็เป็นสิ่งที่ตลาดยังเป็นกังวล ท่ามกลางรายงานล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อรายแรกใน 6 ประเทศ ขณะที่ข้อมูลจาก WHO ที่กล่าวเตือนว่าการระบาดอาจแพร่ไปทั่วโลก
· ความกังวลต่อไวรัสโคโรนาทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีภาพรายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008 และมีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดกว่า 6 ล้านล้านเหรียญ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
· นักวิเคราะห์จาก ABN Amro กล่าวว่า ความเชื่อมั่นในตลาดเวลานี้ทำให้นักลงทุนเลือกปิดสถานะในค่าเงิน และเปลี่ยนมาเข้าถือทองคำมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าก่อนที่ราคาจะร่วงลงไปก็มีการขึ้นไปทำ New High ท่ามกลางตลาดหุ้นที่เผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก และหากความเสี่ยงต่างๆยังทำให้ตลาด Panic นักลงทุนน่าจะหันเข้าหาเงินสด และสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงมากๆ และอาจมีการปิดสถานะในทองคำบางส่วนลงได้
· กองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่่ผ่านมา ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ยังถือครองทองคำที่ระดับ 934.23 ตัน
· ราคาสินค้าในกลุ่มโลหะมีค่าอื่นๆที่ไม่ใช่ทองคำเองก็ปรับตัวลดลงตาม โดยแพลทินัมปรับลงกว่า 6.1% ขณะที่ซิลเวอร์ร่วง 6.6% ในระหว่างการซื้อขาย ขณะที่แพลทินัมปิดรายวันที่ -4.4% ที่ 859.24 เหรียญ และมีภาพรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2011
· ซิลเวอร์ปิด -6.2% ที่ 16.60 เหรียญ มีภาพรายสัปดาห์แย่สุดตั้งแต่ปี 2013 ขณะที่พลาเดียมปิด -9% ที่ 2,590.5 เหรียญ โดยร่วงลงกว่า 390 เหรียญจากสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2,875.5 เหรียญ