MTS Help Center

· ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัว หลังจากที่ร่วงลงไปในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากเหล่านักลงทุนคาดหวังเกี่ยวกับการตอบสนองนโยบายการเงินทั่วโลกที่มีการประสานงานเพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโรคโคโรนา

โดยระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างหนักทำให้ธนาคารกลางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟด ตลอดจนบีโอเจ และธนาคารกลางออสเตรเลียใช้นโยบายทางการเงินเพื่อรับมือกับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินต่างๆ

ด้านนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ได้ให้คำมั่นว่า จะใช้ความพยายามในทุกทางเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน หลังจากตลาดได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดทั่วโลก

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากปรับลดลงไป 0.3% ในช่วงต้นตลาด

แม้จะมีความมั่นคงในตลาด แต่นักวิเคราะห์ก็ยังคาดหวังว่าจะยังมีความผันผวนอยู่

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากที่ดัชนีร่วงลงไป 5 วันทำการที่ผ่านมา เนื่องจากเหล่านักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว หลังจากที่บีโอเจให้คำมั่นว่าจะใช้ความพยายามในทุกทางเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน หลังจากตลาดได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา

โดยหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น นำโดย หุ้นกลุ่มบริการ,ฟาร์ม,การประมงและภาคการค้าปลีก

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.95% ที่ระดับ 21,344.08 จุด

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 3% หลังจากร่วงลงไปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังว่าจีนจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่การลดลงของยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาช่วยหนุนความเชื่อมั่นให้กับเหล่านักลงทุนเช่นกัน

หุ้นโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์รีบาวน์ โดยดัชนี Shanghai ปรับตัวสูงขึ้น 3.2% ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค.ปี 2019 ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนี CSI300 พุ่งขึ้น 3.3% นับว่าการปรับขึ้นดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากเหล่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากบรรดาธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกน่าจะเลือกใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเพื่อรับมือกับผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 1.3% ด้านหุ้นน้ำมันและก๊าซ เพิ่มขึ้น 2.9% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ประกาศผลประกอบการประจำปี 62 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 38,403 ล้านบาท โต 9% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 11,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน และเตรียมจ่ายเงินปันผล 1.30 บาทต่อหุ้น พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ ภายใต้วิสัยทัศน์ในการสร้าง 'Center of Life’ ได้รับรางวัลเชิดชูความเป็นเลิศรอบด้าน

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง ดังนั้นจะไม่ขอพูดเรื่องการเมือง แต่จะพูดเรื่องสำคัญใน 2 เรื่อง คือเรื่องของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่ และปัญหาภัยแล้ง

- บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Base-Load Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รายงานผลประกอบการปี 2562 มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ 4,802 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 19 และมีกำไรจากการดำเนินงานรวม 3,191 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 33 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงของโรงไฟฟ้าหงสาและโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี อย่างไรก็ดี โรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งยังคงเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยรายงานดัชนีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) ที่ร้อยละ 81 และร้อยละ 90 ตามลำดับ

- นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งปัจจุบันยังคงมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย และส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะในภาคธุกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น ธอส.จึงได้จัดทำมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันยิ่งขึ้น และครอบคลุมกลุ่มลูกค้า ทั้งในกรณีที่ยังมีสถานะผ่อนชำระปกติ และกรณีมีสถานะค้างชำระเงินงวดตั้งแต่เดือนม.ค. 63