· ดาวโจนส์มีแนวโน้มเปิดลงกว่า 200 จุด หลังจากปรับสูงขึ้นในคืนก่อน
ตลาดฟิวเจอร์สในวันนี้กำลังส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะเปิดแดนลบสำหรับคืนนี้
โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับลดลงประมาณ 141 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มเปิดลดลง 247.86 จุด ขณะที่ดัชนีฟิวเจอร์ส S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็เคลื่อนไหวในแดนลบ
ดัชนีดาวโจนส์มีความผันผวนอย่างมากในช่วงสัปดาห์นี้ โดยมีการปรับลดลงหรือสูงขึ้นกว่า 1,000 จุดภายใน 3 วันที่ผ่านมา ขณะที่ทั้ง 3 ดัชนีหลักกำลังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ลงมาประมาณ 10% หรือน้อยกว่า
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับสูงขึ้นได้ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ตามหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้นอย่างมากเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับสูงขึ้นได้ 0.7%
นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุว่าเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะชะลอการเติบโตลงภายในไตรมาสแรกนี้ เนื่องจากปัญหาไวรัส เห็นได้จากการที่ดัชนี PMI วัดทุกภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.พ. ปรับลดลงไป 6.1 จุด ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และลงไปที่ระดับ 46.1 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของเดือน พ.ค. ปี 2009
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดแดนบวกด้วยอัตรารายวันที่มากที่สุดในรอบ 1 เดือน ตามการปิดสูงขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากการที่นายโจ ไบเดน สามารถทำคะแนนนำในการเลือกตัวแทนพรรคเดโมแครตเมื่อคืนนี้ จึงช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดขึ้นมาได้ แต่ภาพรวมยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนา
ดัชนี Nikkei ปิด +1.09% ที่ระดับ 21,329.12 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มสุขภาพและอุตสาหกรรม
· ตลาดหุ้นจีนปิดแดนบวก โดยดัชนี Blue-chip CSI300 ปรับขึ้นมากกว่า 2% ทำระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ ท่ามกลางตลาดที่คาดหวังว่าธนาคารกลางจีนจะมีการออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ตามกระแสการผ่อนคลายนโยบายของธฯคารกลางทั่วโลก ท่ามกลางความกังวลจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
ทั้งนี้ ดัชนี Blue-chip CSI300 ปรับขึ้น 2.2% ทำระดับสูงสุดของวันที่ 14 ม.ค. ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ทำระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดบวกได้ 2% ที่ระดับ 3,071.68 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ท่ามกลางแรงหนุนจากกระแสผ่อนคลายนโยบายของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนีหุ้นหลักของตลาดยุโรปปรับขึ้นได้ 0.6% และนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ตลาดปรับร่วงลงไปเมื่อปลายเดือน ก.พ. ที่ตลาดมีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ค่อนข้างมั่นคง
อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐ
- กกร.ลงมติหั่นตัวเลข “จีดีพี” ระบุ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมได้รับกระทบรุนแรง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า กกร.มีมติปรับลดอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศไทยปีนี้ลงไปอยู่ที่ 1.5-2% จากเดิมคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 2-2.5%
“เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แพร่กระจายลุกลามไปในหลายประเทศทั่วโลก ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่จะยังคงอัตราการส่งออกติดลบ 2-0% และคงอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 0.8-1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนโดยตัวเลขทั้งหมดอยู่บนสมมติฐานที่โควิด-19 จะหยุดการแพร่ระบาดภายในเดือน มิ.ย.นี้”
เตือนข่าว ธนาคารกรุงเทพ พบผู้ติดเชื้อ "โควิด-19" ไม่เป็นความจริง
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าของไทย ออกประกาศเรื่อง มาตรการรองรับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดประชุมของนิติบุคคล ปี 63 ว่าตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID- 19) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ปี 58 ตามประกากระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ซื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) ปี 63 (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 137 ตอนพิศษ 48 ง วันที่ 29 ก.พ. 63) และมีรายงานอย่างต่อเนื่องถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่กระจายไปอย่างรวดเร็วในภูมิภาคต่างๆ ของโลกซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดประชุมของนิติบุคคล
- จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายหน่วยงานมีการปรับรูปแบบการแถลงข่าว เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและความปลอดภัยในการรวมตัวกันของคนหมู่มาก โดยปรับรูปแบบเป็น Online ผ่านทาง Facebook LIVE ได้แก่ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด แถลงข่าว "โควิด-19...ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 63"
นอกจากนี้ ยังมีสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ที่ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปรับรูปแบบเป็นรับชมการสัมมนา Online ผ่านทาง Facebook LIVE ภายใต้ FETCO Capital Market Outlook : Growth Engines and Opportunities in Capital Market 2020
- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เข้าร่วมรับฟังการนำเสนอโครงการ "แนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการส่งออก" จากนั้นจะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 3/256 และการประชุมหารือผู้ประกอบการหน้ากากอนามัย
- บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 63 ลงเหลือเติบโตแค่ 0.5% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ 2.7% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก ดังนั้น จึงคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% มาที่ 0.75% ในการประชุมปลายเดือนมี.ค.นี้ เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจควบคู่กับการดำเนินนโยบายการคลัง
อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
-นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ วันที่ 6 มี.ค.นี้ ออกมีมาตรการช่วยเหลือตลาดทุน ที่ได้รับลผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยขณะนี้มอบหมายให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กรมสรรพากร และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) พิจารณาการปรับเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อการออม (SFF) ให้เหมือนกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ได้ยกเลิกไปแล้ว เพื่อช่วยประคองตลาดทุนในภาวะที่ดัชนีปรับตัวลดลงมาก
ส่วนจะขยายวงเงินลงทุนของ SSF จาก 2 แสนบาท เป็น 5 แสนบาท และลดระยะยเวลาการถือครอง จาก 10 ปี เป็น 7 รอบบัญชีเหมือนเดิมหรือไม่ อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ยืนยันมาตรการนี้จะเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น
*** แจกเงินเยียวยาผลกระทบไวรัส
นอกจากนี้กระทรวงการคลังจะเสนอ ครม.เศรษฐกิจ พิจารณาชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและและเยียวยาผลกระทบ COVID-19 ชุดที่ 1 คาดว่าจะมีวงเงินมากกว่า 1 แสนล้านบาท ประกอบด้วย
การแจกเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ให้ประชนผู้มีรายได้น้อย มนุษย์เงินเดือน ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และเกษตรกร อยู่ระหว่างพิจารณาวงเงินที่เหมาะสมระหว่าง 1,000-2,000 บาท/คน และจะแจกครั้งเดียวหรือทยอยเป็นรายเดือน เนื่องจากต้องการให้มีผลทันทีในช่วง 3-4 เดือน
โดยผู้ที่ร่วมโครงการจะต้องมีการลงทะเบียนก่อน และ เมื่อได้รับโอนเงินสามารถกดเป็นเงินสดไปใช้ได้ทันที เพื่อให้เกิดความง่ายในการใช้จ่าย คาดว่ามีผู้รับประโยชน์มากกว่า 14 ล้านคน
อ้างอิงจากโพสต์ทูเดย์
-พาณิชย์ หวั่นเงินเฟ้อปีนี้อาจโตไม่ถึง 0.8% จับสัญญาณการใช้จ่ายในประเทศชะลอตัว ภาคธุรกิจรายได้ลดลง จากผลกระทบไวรัสโควิด-19
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนก.พ. 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้น 0.74% ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ที่ขยายตัว 1.05% โดยมีปัจจัยสำคัญจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ปรับตัวสูงขึ้นในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะอาหารสด อาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร ที่เป็นผลจาก สถานการณ์ภัยแล้ง ในขณะที่กลุ่มพลังงานกลับมาหดตัวอีกครั้งในรอบ 2 เดือน
การชะลอตัวของเงินเฟ้อในเดือนนี้นอกจากจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและการลงทุนที่ชะลอตัวแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลของผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ส่งผลกระทบทางตรงต่อพฤติกรรมและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน
อ้างอิงจากสำนักข่าว Sanook.com
- ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และมาตรา 33/1 แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะกรรมการสถานพยาบาล กำหนดให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ที่เป็นโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อฉุกเฉิน จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามมาตรา 36 แห่งประราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันบัดนี้เป็นต้นไป
- ด่วน! พบวัตถุคล้ายระเบิดซุกตึกร้างลาดพร้าว 62 พร้อมแผนผังจุดสำคัญใน กทม.
เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง รับแจ้งพบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องภายในอาคารพาณิชย์ร้างย่านลาดพร้าว 62 พร้อมประสานเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบ เบื้องต้นพบวัตถุคล้ายระเบิดแสวงเครื่อง พร้อมแผงวงจรอิเลคทรอนิกส์ อีกทั้งยังมีแผนผังที่มีการปักหมุดจุดสำคัญหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร ล่าสุดได้คุมตัวผู้ต้องสงสัย 1 ราย สอบปากคำซึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ตึกข้างๆ กับที่พบระเบิด