· ตลาดหุ้นสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ปรับตัวลดลงท่ามกลางผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ดูจะเผชิญผลเสียจากไวรัสโคโรนา โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด -256.5 จุด หรือ -0.98% ที่ 25,864.78 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -1.71% ที่ 2,972.37 จุด ทางด้านดัชนี Nasdaq ปิด -1.87% ที่ 8,575.62 จุด
สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนีS&P500 ปิด +0.6% และดัชนีดาวโจนส์ปิด +1.8% ทางด้าน Nasdaq ปิด +0.1%
อย่างไรก็ดี ในช่วง 10 วันจาก 12 วันทำการ ดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวลงต่อจากความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาจะเข้ากระทบกับภาวะห่วงโซ่อุปทาน
ดัชนีมาตรวัดความผันผวนหรือ VIX ปรับตัวทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ส.ค. ปี 2015 โดยปิดที่ 41.94 จุด
· เช้านี้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวลงต่อจากที่เปิด Pre-Trade เมื่อวันอาทิตย์ โดยเปิดปรับลงกว่า 1,100 จุด ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนค่อนข้างวิตกกังวลอย่างมากต่อภาวะการปรับตัวลงของเศรษฐกิจโลกจากภาวะไวรัสโครนา ประกอบกับราคาน้ำมันที่ดิ่งลงหนัก ในขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ฟิวเจอร์ส ต่างก็เปิดลบในเช้านี้ หลังจากที่ดัชนีหลักร่วงลงหนักในคืนวันศุกร์ ขณะที่เช้านี้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯอายุ 10ปี ปรับตัวลงต่ำกว่า 0.5% ก่อนจะรีบาวน์กลับมาทรงตัวแถว 0.5241%
· ธนาคารรายใหญ่ลดคาดการณ์ S&P 500 เนื่องจากไวรัสโคโรนา
ธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐฯต่างลดคาดการณ์ผลประกอบการของดัชนี S&P 500 เมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่จะไปกระทบผลประกอบการของบรรดาบริษัทในสหรัฐฯ โดยรายละเอียดที่ธนาคารรายใหญ่ออกมาชี้แจง มีดังต่อไปนี้
Goldman Sachs ลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี S&P 500 ลง โดยระบุว่าจะไม่มีผลประกอบของบริษัทใดที่เติบโตขึ้นภายในปีนี้ พร้อมลดคาดการณ์มูลค่าต่อหุ้นเฉลี่ยภายในดัชนีลงสู่ระดับ 165 เหรียญ จากเดิมที่ 174 เหรียญ
Wells Fargo ลดคาดการณ์ของดัชนีหุ้นในสหรัฐฯส่วนใหญ่ รวมถึง S&P 500 โดยลดคาดการณ์มูลค่าต่อหุ้นลงเหลือ 166 เหรียญ จากเดิมที่ 172 เหรียญ ขณะที่เป้าหมายปลายปีสำหรับ S&P 500 ยังมองไว้ในกรอบ 3,260 – 3,400 จุด พร้อมระบุว่า แม้ผลประกอบการจะชะลอตัวลง แต่ไม่ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัวแต่อย่างใด
เมื่อสัปดาห์ก่อนทาง Wells Fargo ได้ลดเป้าหมายมูลค่าต่อหุ้นภายในดัชนี S&P 500 ลงสู่ระดับ 172 เหรียญ จาก 175 เหรียญ และลดคาดการณ์กรอบของดัชนีในช่วงปลายปีนี้ลงสู่กรอบ 3,260 – 3,440 จุด จากเดิมในกรอบ 3,340 – 3,520 จุด
Citi ลดคาดการณ์มูลค่าต่อหุ้นภายในดัชนี S&P 500 สำหรับปี 2020 ลงเล็กน้อย จากเดิมที่ 174.25 เหรียญ สู่ระดับ 164.25 เหรียญ ขณะที่คงเป้าหมายปลายปีของดัชนีไว้ที่ 3,375 จุด
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ปรับลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามราคาหลังกลุ่มโอเปกล้มเหลวในการหาข้อตกลงด้านการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันร่วมกับพันธมิตร จึงยิ่งกดดันความเชื่อมั่นของตลาดที่อ่อนแออยู่แล้วจากปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยในญี่ปุ่นดัชนี Nikkei เปิด -4.43% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด -4.16% ส่วนในเกาหลีใต้ ดัชนี Kospi เปิด -2.69% ขณะที่ในออสเตรเลียดัชนี ASX 200 เปิด -5%
ในภาพรวม ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด -1.25%
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
-นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35 - 31.50 บาท/ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ เอดีบี คาด สถานการณ์รุนแรงของการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จะเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจไทยประมาณ 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.11% ของ GDP ไทย ภายใต้สถานการณ์รุนแรงในระดับปานกลาง
- คณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เห็นชอบกรอบมาตรการบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยในส่วนของผู้ประกอบการจะมี 4 มาตรการการเงิน และ 4 มาตรการภาษี ขณะที่ความช่วยเหลือที่ให้กับประชาชนจะมีการให้เงินสำหรับการใช้จ่ายแก่ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และผู้ประกอบอาชีพอิสระ เดือนละ 1 พันบาท ไม่เกิน 2 เดือน รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่าย ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น โดยจะเสนอรายละเอียดของมาตรการต่าง ๆ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
- สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เผยเดือน ก.พ.63 จัดเก็บเงินนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% จำนวน 17,717 ล้านบาท ส่งผลให้มีเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสมจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า 50% และในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2563 (1 ต.ค.62-29 ก.พ.63) จำนวน 96,866 ล้านบาท คิดเป็น 107% ของประมาณการเงินนำส่งรายได้แผ่นดินสะสม หรือคิดเป็น 51% ของเป้าหมายทั้งปีงบประมาณ 2563 จำนวน 188,800 ล้านบาท
- นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ.ระบุสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโครงการ EEC ขณะเดียวกันกลับเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย ที่แสดงให้นานาชาติได้เห็นว่าประเทศไทยมีระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าหลายประเทศ สามารถดูแลวิกฤตการณ์ครั้งนี้ได้ดีพอสมควร
Thai
Eng