สถานการณ์ไวรัสโคโรนาล่าสุด!
Ø จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 114,505 ราย
Ø จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 4,027 ราย
Ø รักษาหายแล้ว 64,272 ราย
Ø จำนวนประเทศติดเชื้อทั่วโลกล่าสุดอยู่ที่ 115 ประเทศ
· ค่าเงินดอลลาร์เริ่มทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ยูโร และสวิสฟรังก์ หลังจากที่อ่อนค่าลงอย่างหนัก แต่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเผชิญความเสี่ยงท่ามกลางการระบาดของโคโรนาไวรัส ที่ทางรัฐบาลสหรัฐฯเริ่มมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมแล้ว
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ฟื้นตัว หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าทำเนียบขาวจะมีการแถลงข่าวภายในคืนวันอังคารนี้ เกี่ยวกับมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อรับมือโคโรนาไวรัส
นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ ก็ได้กล่าวว่าทำเนียบขาวจะมีการประชุมร่วมกับตัวแทนจากธนาคารกลางภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังเตรียมออกนโยบายใหม่เพื่อรับมือกับปัญหาไวรัส
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่ายังเร็วเกินไปที่จะยืนยันว่าค่าเงินดอลลารืได้อ่อนค่าทำระดับต่ำสุดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้ค่าเงินมีความผันผวนอย่างมากจากการประกาศสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ที่ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่สมัย Gulf War เมื่อปี 1991
ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยนแข็งค่า 2.3% แถว 104.73 เยน/ดอลลาร์ ฟื้นตัวขึ้นมาจากระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 3 ปี
เมื่อเทียบกับเงินยูโร ดอลลาร์แข็งค่า 0.72% แถว 1.13500 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี เมื่อวานนี้
· รายงานจากสื่อในประเทศจีนระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาอนุญาตให้ประชาชนจากมณฑลหูเป่ย เฉพาะจากพื้นที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโคโรนาไวรัสในระดับต่ำถึงปานกลาง สามารถเดินทางเข้าออกมณฑลได้
โดยรัฐบาลจะใช้แอพพลิเคชั่นมือถือ “Health code” ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการบันทึกสุขภาพ สำหรับการตรวจคัดกรองโรคในประชาชน ก่อนที่จะอนุญาตให้สามารรถเดินทางได้
· นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เดินทางเยือนเมืองอู่ฮั่น ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดของโคโรนาไวรัส ในวันนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เกิดการระบาด เพื่อประเมินสถานการณ์และประสิทธิภาพของการควบคุมโรคด้วยตัวเอง รวมถึงเยี่ยมเยียนบุคลากรทางแพทย์ที่คอยรับมือกับการระบาดของไวรัส
· รายงานจากทำเนียบขาวระบุว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 เนื่องจากเขาไม่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเป็นระยะเวลายาวนาน รวมถึงไม่แสดงอาการใดๆ
· เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ (CDC) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอาจจะยังมีการแพร่ระบาดอยู่ในสหรัฐฯจนถึงปีหน้า ขณะเดียวกันทางหน่วยงานด้านสุขภาพต่างก็พยายามหาวิธีเพื่อแทรกแซงในการลดการแพร่ระบาดของไวรัส รวมทั้งลดจำนวนการเสียชีวิต
อย่างไรก็ดี ทางหน่วยงาน CDC เองไม่คาดหวังว่าประชาชนส่วนใหญ่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนาดังกล่าว เนื่องจากการแพร่ระบาดดูจะมีการทบทวนลง และกว่า 80% ของการติดเชื้อก็ได้รับการรักษา ขณะที่เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เป็นเคสวิกฤต
· นายมาร์ค แมโดวส์ ว่าที่เสณาธิการประจำทำเนียบขาวที่นายทรัมป์เป็นผู้เลือกด้วยตนเอง กำลังกักบริเวณตัวเองเพื่อสังเกตุอาการ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เขาอาจมีประวัติใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส
· นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่ารัฐบาลจะทำงานร่วมกับบีโอเจอย่างใกล้ชิด เพื่อพยายามสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด จึงเป็นสัญญาณว่ารับบาลกำลังพยายามกดดันให้บีโอเจพิจารณาออกนโยบายกระตุ้นการเงินในการประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อช่วยเศรษฐกิจรับมือกับโคโรนาไวรัส
ถ้อยแถลงของนายอาเบะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังถ้อยแถลงของนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าบีโอเจ ที่กล่าวว่าบีโอเจจะมีการดำเนินการกับตลาดที่ “ผันผวนอย่างมาก” จึงเป็นอีกหนึ่งสัญญานที่บ่งชี้ว่าบีโอเจอาจมีการออกนโยบายใหม่ภายในการประชุมสัปดาห์หน้า
· Barclays หั่นราคาน้ำมันเฉลี่ยปีนี้ ท่ามกลางสงครามราคาและโคโรนาไวรัส
ธนาคาร Barclays ประกาศลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยสำหรับปี 2020 ลง หลังจากที่กลุ่มโอเปกประสบความล้มเหลวในเจรจาหาข้อตกลงด้านการปรับกำลังการผลิตกับรัสเซีย ส่งผลให้ซาอุดิอาระเบียตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน เม.ย. ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่อ่อนแอ
โดยทางธนาคารลดเป้าหมายราคาน้ำมันดิบ Brent เฉลี่ยปี 2020 ลงสู่ระดับ 43 เหรียญ/บาร์เรล จากเดิมที่ 59 เหรียญ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ WTI เฉลี่ยปี 2020 ลงสู่ระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรล จากเดิมที่ 54 เหรียญ/บาร์เรล
· จับตา"ทรัมป์" เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรับมือไวรัส คืนนี้
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าเขาจะเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ครั้งใหญ่” เพื่อรับมือกับการระบาดของโคโรนาไวรัส โดยจะเกี่ยวข้องกับการปรับลดภาษี และการผ่อนคลายนโยบายครั้งสำคัญ
ทั้งนี้ นายทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดกับสำนักข่าว แต่ระบุว่าการแถลงข่าวจะจัดขึ้นภายในคืนวันอังคารนี้
ด้านตัวแทนจากฝั่งเดโมแครตอย่างนางแนนซี เพโลซี หัวหน้าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และนายชัค ชูมเมอร์ หัวหน้าวุฒิสภา ระบุว่านโยบายเกี่ยวกับการปรับลดภาษี ควรให้สิทธิเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโคโรนาไวรัสเท่านั้น
นโยบายอื่นๆที่มีความเป็นไปได้ที่ทางรัฐบาลจะพิจารณาใช้ คือการจ่ายน้ำประปาหรือกักตุนน้ำให้กับครัวเรือนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาไวรัสและไม่สามารถชำระหนี้ค่าน้ำประปาได้ รวมถึงการขยายประกันสังคมให้กับแรงงาน หรือการจัดหาอาหารให้กับเยาวชนเพื่อรักษาสารอาหารที่เหมาะสมกับการเติบโตของเยาวชน
· จีนประกาศปิดโรงพยาบาลชั่วคราวที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ป่วยโคโรนาไวรัสในเมืองอู่ฮั่นลงทุกแห่งแล้ว
· Standard Chatered หั่นคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบสู่ 32 เหรียญ
ท่ามกลางสภาวะ Price War หรือสงครามราคาน้ำมันเวลานี้ ส่งผลให้ Standard Chartered ตัดสินใจประกาศปรับลดคาดการณ์น้ำมันดิบปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่า น้ำมันดิบ WTI ปีนี้จะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 32 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 59 เหรียญ/บาร์เรล
สำหรับปี 2021 คาดว่า WTI จะมีราคาเฉลี่ยที่ 41 เหรียญ/บาร์เรล จากคาดการณ์เดิมที่ 63 เหรียญ/บาร์เรล
นอกจากนี้ ทางธนาคารยังได้ตัดสินใจปรับลดราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ Brent ปีนี้และปีหน้าลงด้วยเช่นกัน โดยคาดปีนี้จะมีราคาเฉลี่ยที่ 35 เหรียญ/บาร์เรล จากคาดการณ์เดิมที่ 64 เหรียญ/บาร์เรล ในส่วนของปีหน้าคาดจะมีราคาเฉลี่ยที่ 44 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งลดลงจากคาดการณ์ที่ 67 เหรียญ/บาร์เรล
ภาวะอุปทานล้นตลาดที่เพิ่มขึ้นควบคู่กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในเวลานี้ ดูจะส่งผลให้น้ำมันเผชิญกับการเทขายปรับตัวลง โดยในระยะสั้นๆ ราคาน้ำมันมีโอกาสจะอ่อนตัวลงต่อ
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ Standard Chartered เพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ทำการปรับลดแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นๆ หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียประกาศสงครามราคากัน
Goldman Sachs ก็เป็นอีกเจ้าที่ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ว่ามีโอกาสถึง 20 เหรียญ/บาร์เรลได้ภายในช่วง 2 ไตรมาสนี้
นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก ING กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent มีโอกาสเห็น 30 เหรียญ/บาร์เรลได้ ขณะที่ช่วงไตรมาส 2 มีการหั่นคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบจาก 56 เหรียญ/บาร์เรล สู่ 33 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้าน WTI คาดปรับตัวลงแตะ 28 เหรียญ/บาร์เรล จากคาดการณ์ที่ 50 เหรียญ/บาร์เรล ในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้
· ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น 8% จากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี เนื่องจากนักลงทุนมองว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลทั่วโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ท่ามกลางภาวะสงครามราคาระหว่างรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย และจำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในจีนที่ชะลอลง
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าจะมีการดำเนินการครั้งสำคัญ เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจสหรัฐฯจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส ซึ่งอาจเกี่ยวกับการปรับลดภาษี และกำลังมีการเจรจากันภายในรัฐสภาอยู่
ทั้งนี้ ราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 2.85 เหรียญ หรือ 8.3 % ที่ระดับ 37.21 เหรียญ/บาร์เรล ในขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.46 เหรียญ หรือ 7.9% ที่ระดับ 33.59 เหรียญ/บาร์เรล