MTS Help Center

· ดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวกว่า 1,100 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนหนัก โดยเมื่อวานนี้ตลาดมีแรงหนุนจากกลุ่มนักลงทุนที่ขานรับกับความเป็นไปได้ที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง

ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 1,167.14 จุด หรือ +4.9% ที่ระดับ 25,018.16 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +4.9% ที่ 2,882.23 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดรายวันที่ดีที่สุดตั้งแต่ 26 ธ.ค. และ Nasdaq ปิด +4.9% ที่ 8,347.4 จุด

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแนวคิดจะทำการปรับลดภาษีเงินได้หรือผ่อนปรนนโยบายทางภาษีเพื่อช่วยชดเชยผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โดยนโยบายดังกล่วจะใช้ควบคู่กับงบประมาณการรับมือกับไวรัสโคโรนามูลค่า 8.3 พันล้านเหรียญที่เขาได้ลงนามไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว

· ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมผสานกันท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนทั่งคงจับตาความคืบหน้าเรื่องการผลักดันมาตรการรับมือและผ่อนคลายผลกระทบจากไวรัสโคโรนาทั่วโลก โดยดัชนีนิกกเอิเปิด +0.16% ด้าน Topix เปิด +0.73% ในขณะที่ Kospiของเกาหลีใต้นั้นเปิดทรงตัว

สำหรับดัชนี S&P/ASX200 เปิดปรับัตวลงกว่า 2%

ผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและการตลาดจาก National Australia Bank กล่าวเตือนว่า ตลาดยังมีแนวโน้มจะเผชิญกับความผันผวนตามข่าวไวรัสโคโรนาทั่วโลกที่ยังดูส่งผลในเชิงลบ ท่ามกลางอิตาลีที่มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 10,000 ราย ขณะที่ผู้อำนวยการ CDC ของสหรัฐฯ กล่าวถึงสถานการณ์ในปัจจุบันอยู่ในความเสี่ยงระดับสูงมากกว่าเป็นการประกาศถึงการควบคุมได้

กลุ่มนักลงทุนจับตาไปยังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั่วโลกในการต่อสู้กับผลกระทบของไวรัสโคโรนา โดยทางสหรัฐฯเองก็พยายามผลักดันภาษีเงินได้ให้ลดลงเหลือ 0% ในช่วงที่เหลือของปี ด้านญี่ปุ่นเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 พันล้านเหรียญ เพื่อจัดการกับการระบาดในเวลานี้เช่นกัน

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35 - 31.60 บาท/ดอลลาร์

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบชุดมาตรการระยะที่ 1 ในการดูแลผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งประกอบด้วย มาตรการด้านการเงิน, มาตรการด้านภาษี และมาตรการอื่นๆ รวมแล้วเป็นวงเงินสินเชื่อ 150,000 ล้านบาท รวมทั้งสำนักงานประกันสังคม ที่เสนอจะร่วมให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอีก 30,000 ล้านบาท

- ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า FETCO เตรียมพร้อมจะเสนอแผนสำรองในการกระตุ้นตลาดทุนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หากมาตรการของภาครัฐที่จะสนับสนุนการลงทุนผ่านกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ไม่สามารถช่วยได้ในระยะสั้น เพื่อให้สามารถดำเนินการควบคู่กันไป เช่น อาจจะให้สิทธิประโยชน์กับการลงทุนในหุ้นโดยตรงในวงเงิน 1-2 แสนบาท/คน มีระยะเวลาการถือครองหุ้นตั้งแต่ 2-5 ปี เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ เป็นต้น

- ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 63 ลงมาอยู่ที่เติบโตเพียง 0.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 1.7% ซึ่งเป็นระดับการเติบโตของ GDP ที่ต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 52 โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ก่อนที่จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งหลังของปี จากรายได้ของภาคการท่องเที่ยวที่แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับห่วงโซ่การผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการที่จีนปิดเมือง รวมทั้งอุปสงค์ต่างประเทศและในประเทศที่อ่อนแอลง