• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 มีนาคม 2563

    12 มีนาคม 2563 | SET News

· ดัชนีหุ้นสหรัฐล่วงหน้าปรับตัวลดลง หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวในการสร้างความมั่นใจให้กับตลาดด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบของการระบาดโคโรนาไวรัส

โดยนายทรัมป์ยังประกาศห้ามการเดินทางชั่วคราวจากยุโรปเพื่อระงับการแพร่กระจายของไวรัส ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายมองว่าเป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุน

ดัชนี S&P 500 ESc1 futures ลดลง 4.7% ที่ระดับ 2,610 จุด ใกล้ระดั้บต่ำสุดที่ร่วงลงไปอย่างจำกัดที่ 2,601 จุด เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นฟื้นตัวขึ้นได้บ้างในช่วงกลางการซื้อขายของวันนี้ อย่างไรก็ดี การปรับลดลง 3.8% ยังส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะเคลื่อนไหวในแดนลบ

· ตลาดการเงินทั่วโลกเข้าสู่ภาวะปั่นป่วนในวันนี้ หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศห้ามผู้ที่เดินทางมาจาก 26 ประเทศในยุโรปเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลงอย่างหนัก
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปรับลดลง 3.2% ทำระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นปี 2019


· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลงในวันนี้ โดยดัชนีหลักลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี หลังจากสหรัฐฯประกาศระงับการเดินทางจากสหภาพยุโรปสู่สหรัฐฯ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei ปิด -4.4% ที่ระดับ 18,559.63 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. ปี 2017 การปรับลดลงในวันนี้นับเป็นการปรับลดลงรายวันที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ภายในช่วง 15 เดือน ส่งผลให้ดัชนีเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดของปีนี้ลงไปถึง 23%

· ตลาดหุ้นจีนปิดร่วงตามตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาทั่วโลกที่ดูจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ส่งผลให้ล่าสุดสหรัฐฯประกาศระงับการเดินทางจากยุโรป แต่การปรับลดลงของตลาดหุ้นจีนในวันนี้ถือว่าน้อยกว่าประเทศอื่นๆภายในภูมิภาคเอเชีย

โดยดัชนี Blue-chip CSI300 ปิด -1.9% ที่ระดับ 3,950.91 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ปิด -1.5% ที่ระดับ 2,923.49 จุด โดยทั้งสองดัชนีปิดใกล้ระดับต่ำสุดของวันที่ 28 ก.พ. หรือในรอบ 2 สัปดาห์

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางความตื่นตะหนกของนักลงทุนหลังจากที่สหรัฐฯประกาศห้ามการเดินทางจากยุโรปเข้าสู่สหรัฐฯเพื่อชะลอการระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยดัชนี Stoxx 600 เปิดร่วง 4.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับลดลงไปถึง 6% ส่งผลให้หุ้นส่วนใหญ่ต่างเคลื่อนไหวในแดนลบ

· ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธูรกิจ” รายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปรับลดลงกว่า 125.05 จุด หรือลดลง 10.00% ไปอยู่ที่ระดับ 1,124.84 จุด ส่งผลให้ต้องหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker) เป็นเวลา 30 นาที ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

ทั้งนี้ เกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่ากรณีที่สภาวะการซื้อขายมีความผันผวนรุนแรง ราคาหลักทรัพย์โดยรวมเปลี่ยนแปลงลดลงมาก เพื่อให้นักลงทุนมีเวลาในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่มีผลกระทบต่อการลงทุนอย่างครบถ้วน ตลาดหลักทรัพย์จะหยุดทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว ตามหลักเกณฑ์ดังนี้

ตลาดหลักทรัพย์งัดเซอร์กิตเบรกเกอร์ พักซื้อขายหุ้น ครั้งแรกในรอบ 11 ปี

ครั้งที่ 1 เมื่อ SET Index เปลี่ยนแปลงลดลงถึง 10% ของค่าดัชนีปิดในวันทำการก่อนหน้าตลาดหลักทรัพย์ จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งหมดเป็นเวลา 30 นาที และ

ครั้งที่ 2 เมื่อ SET Index เปลี่ยนแปลงลดลงถึง 20% (ลดลงอีก 10%) ของค่าดัชนีปิดใน วันทำการก่อนหน้าตลาดหลักทรัพย์จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง

และหลังจากการทำงานครั้งที่ 2 ของ Circuit Breaker แล้วตลาดหลักทรัพย์จะเปิดให้ทำการซื้อขายต่อไป จนถึงเวลาปิดทำการตามปกติโดยไม่มีการหยุดพักการซื้อขายอีก

อ้างอิงจากสำนักกรุงเทพธุรกิจ

- ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเปิดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ ดัชนีฯปรับตัวร่วง 65.73จุด มาอยู่ที่ระดับ 1,184.16 จุด ลดลง -5.26% มูลค่าการซื้อขาย 7,069.98 ล้านบาท

ด้านดัชนี SET100 เปิดที่ 1,699.41 จุด ลดลง -113.84 จุด หรือ -6.28%,ดัชนี SET50 เปิดที่ 769.29 จุด ลดลง -53.70 จุด หรือ -6.52% และดัชนี mai เปิดที่ 251.37 จุด ลดลง -5.73 จุด หรือ -2.23%

ขณะที่ระหว่างเปิดการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงกว่า118 จุด เกือบที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ต้องใช้มาตรการหยุดทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker) เป็นเวลา 30 นาที

ส่วนบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุคาดดัชนีฯวันนี้ปรับตัวลงตามบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ หลังสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ที่น่ากังวลมากขึ้นโดยล่าสุด WHO ประกาศเข้าสู่ภาวะแพรร่ะบาดทั่วโลก ขณะที่ไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและคาดว่ามีโอกาสเข้าสู่ระยะที่ 3 ในเร็วๆนี้ แม้ทั่วโลกจะมีมาตรการกระตุ้น ทั้งนโยบายการคลังและการเงิน แต่หาก COVID-19 ยังระบาดหนักคาดว่าเศรษฐกิจโลกมีโอกาสหดตัวในปีนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังผันผวนและมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อโดยต้องจับตาว่ากลุ่ม OPEC+ จะสามารถกลับมาร่วมมือกันสร้างสมดุลในตลาดน้ำมันดิบได้ หรือไม่เรายังแนะนำนักลงทุนให้เน้นถือเงินสดรอและติดตามสถานการณ์หลังทำกำไรบางส่วนไปแล้วบริเวณ 1,400 จุดสัปดาห์ก่อน

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ม.หอการค้าไทย ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 63 ลงจากประมาณการครั้งก่อน (ม.ค.63) โดยคาดว่าปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 1.1% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 2.8% ขณะที่การส่งออกพลิกมาติดลบ -1% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 0.8% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 0.7%

พร้อมคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้จะลดลงเหลือ 33.5 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ 41.4-41.8 ล้านคน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 30.50-31.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 0.50-1.00%

- นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงแรงมากจากสาเหตุมาจากความกังวลปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าเป็นโรคระบาดแพร่หลายกว้างขวางทั่วโลก เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างหนัก

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า กรรมการและผู้จัดการ ตลท.จะมีการชี้แจงกรณีดังกล่าวเป็นการด่วนภายในวันนี้ และกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เชื่อว่าตลาดหุ้นและพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยมีพื้นฐานเข้มแข็ง ในส่วนของมาตรการดูแลตลาดหุ้นไทยจะมีการพิจารณาต่อเนื่องหากมีความจำเป็นกระทรวงการคลังก็จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาตรการเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังไม่มีแนวคิดที่จะลดภาษีเพื่อกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น รวมทั้งไม่มีแนวคิดลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนประเทศญี่ปุ่นที่พิจารณาลดภาษี VAT เหลือ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรง

- นายกฯถกด่วน "ศูนย์โควิด-19" หวังสกัดไวรัสลาม สั่งเลิก "ฟรีวีซ่า" 3 ประเทศ พร้อม "วีโอเอ" อีก 18 ประเทศชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย มอบ "กต.-ทูต" แจงมิตรประเทศ ยอมรับกระทบเศรษฐกิจ ยันปิดประเทศไม่ได้ ด้านเอกชนท่องเที่ยวออกโรงหนุน ย้ำต้องใช้ยาแรงคุมการแพร่ระบาด หวังจบปัญหาใน 2 เดือน

- บอร์ดพัฒนาตลาดทุนไทย อนุมัติจัดตั้ง "กระดานที่ 3" เปิดทางธุรกิจสตาร์ทอัประดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดเริ่มเทรดภายในไตรมาส 1/64 พร้อมเตรียมจัดโครงการ "บอนด์ละบาท" เพื่อให้ประชาชน ลงทุนพันธบัตรได้มากขึ้น "อุตตม" เผยเริ่มซื้อขายหน่วยลงทุน "SSF" 1 เม.ย.นี้

- รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เร่งจัดทำเว็บไซต์ขึ้นใหม่เพื่อชี้แจง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทำมาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม ชุดที่ 1 ให้ประชาชนรับทราบโดยเร็ว เนื่องจากมาตรการชุดนี้เกี่ยวข้องกับผู้ได้รับผลกระทบหลายระดับ ตั้งแต่ผู้ประกอบการจนถึงชาวบ้าน และมีรายละเอียด การดำเนินการหลายรูปแบบจึงต้องสื่อสารกับประชาชนให้เกิดความเข้าใจ และมีประสิทธิภาพสูงสุด

- สศค.แจ้งคนเป็นหนี้บัตรเครดิตให้ไปปรับโครงสร้างหนี้กับออมสิน จะได้ผ่อนน้อยดอกถูก ไม่ต้องเสียค่าปรับ เผยมาตรการเศรษฐกิจสู้โควิด-19 ชุดแรกช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ถึงเดือน เม.ย. รีบให้หน่วยงานเสนอโครงการ ขอใช้เงินกองทุน 2 หมื่นล้าน ผู้ประกอบการรายใดยังไม่พอ ให้เสนอแนวทางเพิ่มเติมเข้ามาได้กรมสรรพากรเก็บรายได้ปีงบ 63 หลุดเป้า 1.65 แสนล้านบาท

ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประกาศหยุดการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่สาขา และปิดสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX Booth) ทั่วประเทศ จำนวน 53 แห่ง ตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวันที่ 11 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยลูกค้ายังคงสามารถใช้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วยบัตรกรุงไทยทราเวลการ์ด ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ได้ตามปกติ

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com