
· ราคาทองคำปรับตัวลงไปมากกว่า 4.5% และทำให้ภาพรวมในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 1983 จากกลุ่มนักลงทุนที่เลือกเทขายทองคำออกมาเพื่อถือเงินสดจากสภาวะ Margin Calls ที่เกิดขึ้นทั่วทุกตลาดอันได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
· ราคาทองคำตลาดโลกปิด -4% ที่ระดับ 1,513.11 เหรียญ และภาพรวมสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลงไปกว่า 9% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 1983 ทางด้านสัญญาทองคำส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด -4.6% ที่ระดับ 1,516.7 เหรียญ
ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาแล้วเกือบ 200 เหรียญ นับตั้งแต่ที่ทำสูงสุดในรอบกว่ 7 ปีบริเวณ 1,702.56 เหรียญเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว
· กองทุน SPDR เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขายทองคำออก 12.59 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 931.59 ตัน
· ราคาพลาเดียมปรับตัวลงไปเกือบ 11% หลังระหว่างวันร่วงลงกว่า 28% และส่งผลให้ภาพรวมรายสัปดาห์เป็นอีกสินค้าที่มีเปอร์เซ็นต์การปรับตัวลดลงที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
· นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered Bank กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังคงมีแรงกดดันและกลุ่มนักลงทุนมีการประสบภาวะการบังคับปิดสถานะทั่วทุกตลาด ซึ่งเหตุการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้จึงทำให้ทองคำเผชิญแรงเทขายตามมาด้วย โดยในระยะสั้นอาจเห็นทองคำเป็นขาลงก่อนเนื่องจากมีภาวะ Margin Calls ค่อนข้างมาก ดังนั้น นักลงทุนจึงมีความต้องการเงินสดเพื่อลดสถานะสินทรัพย์เสี่ยงที่กำลังปรับตัวลงในเวลานี้
· ตลาดหุ้นสหรัฐฯรีบาวน์ได้ในคืนวันศุกร์อันเนื่องจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะทำการประกาศภาวะฉุกเฉินถึงการแพร่ระบาดของไวรัสภายในประเทศ
· หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก BMO กล่าวว่า ราคาทองคำและตลาดหุ้นค่อนข้างเคลื่อนไวหเป็นบวกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่แล้วราคาทองคำก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้เมื่อตลาดหุ้นรีบาวน์กลับ และกลุ่มนักลงทุนที่ปิดสถานะ Long ในตลาดเวลานี้เพื่อถือเงินสด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ากดดันราคาทองคำ โดยเฉพาะดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น 1.2% ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันทองคำ
· ราคาพลาเดียมปิด -7% ที่ 1,705.50 เหรียญ โดยภาพรายสัปดาห์ปรับลงไปกว่า 34% ขณะที่ราคาแพลทินัมปิด -1.5% ที่ 751.5 เหรียญ ซึ่งเป็นรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดอีกหนึ่งสัปดาห์ ทางด้านซิลเวอร์ปรับตัวลง 8.8% ที่ 14.43 เหรียญ และมีรายสัปดาห์ที่แย่ที่สุดตั้งแต่ปี 2011
