รายงานจาก Forbes ระบุว่า อิตาลีถือเป็นการแพร่ระบาดที่รุนแรงครั้งใหม่รองจากมณฑลหูเป่ยในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ฝรั่งเศสและสเปน รวมไปถึงเยอรมนีคือลำดับถัดไป ถัดมาเป็นอังกฤษและสหรัฐฯ
และทั้งหมดนี้จึงลดความหวังที่ว่าสามารถควบคุมไวรัสโคโรนาได้ โดยสถาบัน Barclays Capital ชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย และนี่อาจเป็นการเข้าสู่สภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 – 2009
หัวหน้านักวิเคราะห์ฝ่ายเศรษฐกิจจาก Barclays กล่าวว่า ความหวังเกี่ยวกับการจะควบคุมและจำกัดไวรัสโคโรนาได้นั้นพังทลายลงเมื่อหลายๆประเทศมียอดผู้ติดเชื้อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่จีนผ่านจุดพีคที่สุดของการระบาดลงไป ยุโรปก็ดูจะเป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายตามมา และมีแนวโน้มจะเห็นการเพิ่มขึ้นต่อในสหรัฐฯ
แม้จะมีมาตรการการควบคุมที่เข้มงวดไม่ว่าจะเป็นการกักตัว, ปิดสถานศึกษา, ลดการเดินทาง และยกเลิกการจัดงานใหญ่ๆไปเกือบทั้งหมด แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจเชิงลบยังคงมีอยู่และคาดว่าจะกระเทือนสู่เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 นี้
ทั้งหมดนี้ ทำให้ Barclays มองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาสแรกนั้นจะมีอัตราการเติบโตลดลงไปมากถึง 39.8% เมื่อเทียบกับไตรมาก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคในจีน, อียู และสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสในเวลานี้
นอกจากนี้ การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปยังบราซิล ไม่เว้นแม้แต่รัสเซีย ดูจะเป็นสัญญาณยืนยันแล้วว่าเศรษฐกิจโลกปี 2020 จะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยจีดีพีโลกปีนี้น่าจะโตได้เพียง 1.8% และคาดจะกลับมาโตได้ 3.7% ในปี 2021
ด้านจีดีพีจีนคาดจะโตได้ที่ 3.2% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมกับคาดว่าภาวะถดถอยจะค่อนข้างแย่ลงเรื่อยๆและทำให้นักลงทุนหันเข้าถือเงินสดมากขึ้น สำหรับจีดีพีสหรัฐฯในปีนี้คาดเติบโตได้เพียง 0.8%
เศรษฐกิจประเทศอื่นๆก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน โดยจีดีพีเม็กซิโกคาด -2%, ญี่ปุ่นคาด -1.6%, สิงคโปร์คาด -0.9%, ยูโรโซนคาด -0.5% และอังกฤษคาด -0.2%
ที่มา: Forbes