· อังกฤษจะเริ่มทดสอบวัคซีน COVID-19 เดือนหน้า
รัฐบาลอังกฤษเผย วัคซีนสำหรับ COVID-19 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัย Oxford จะเริ่มขั้นตอนการทดสอบภายในเดือนหน้า
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านสาธารณสุขแห่งอังกฤษ (Public Health England) อาจสั่งห้ามการทดสอบโดยตรงกับมนุษย์ เนื่องจากเป็นวัคซีนที่พัฒนาขึ้นมาอย่างเร่งด่วน ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยจะสามารถทดลองใช้วัคซีนเฉพาะกับสัตว์ภายในช่วงสัปดาห์หน้าเท่านั้น
· ประเทศจีนต้องชนะ...การผลิตวัคซีน COVID-19
รายงานจาก South China Morning Post ระบุว่าทางรัฐบาลจีนได้สั่งการให้ทีมนักวิทยาศาสตร์ในกองทัพจีนเข้าร่วมการแข่งพัฒนาวัคซีนสำหรับการรักษา COVID-19 กับทั่วโลก
โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของจีน นำโดยพลตรีเฉิน เหว่ย (Major General Chen Wei) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อและไวรัสวิทยาแนวหน้าของประเทศ ถูกสั่งการให้เริ่มกระบวนการวิจัยทางคลินิกได้ โดยที่มีข่าวลือว่าจีนได้เริ่มกระบวนการวิจัยวิธีรักษาพร้อมกันถึง 9 วิธี
นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างเร่งศึกษาและพัฒนาวัคซีนเพื่อนำมารักษาโรคติดต่อจากไวรัส COVID-19 โดยที่มีผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งรายหนึ่งระบุว่า จีนจะ “เสียหน้า” หากสหรัฐฯเป็นผู้ที่สามารถพัฒนาได้สำเร็จก่อน
· ยอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ในอิตาลี สูงกว่าจีนแล้ว โดยยอดผู้เสียชีวิตในอิตาลีล่าสุดอยู่ที่ 3,405 ราย เทียบกับจีนที่ 3,248 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรวมในอิตาลีอยู่ที่ 41,035 ราย เทียบกับจีนที่ 80,967 ราย
· มาเลเซียประกาศเคลื่อนกำลังทหารเพื่อสนับสนุนการทำงานของตำรวจในการวางด่านตรวจและจำกัดการเคลื่อนไหวของประชาชนให้กักตัวอยู่ในบ้าน ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อประเทศที่เพิ่มสูงกว่า 900 ราย
มาเลเซียเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้ติดเชื้อจำนวน 576 ราย มีความเกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวมุสลิมกว่า 16,000 ราย เมื่อเดือนก่อน
· เวียดนามประกาศแบนวีซ่าสำหรับพลเมืองญีปุ่น รัสเซีย และเบลารุส โดยจะมีผลบังคับใช้วันเสาร์นี้
· บราซิลประกาศแบนการเดินทางเข้าประเทศสำหรับพลเมืองของสหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ยกเว้นพลเมืองของสหรัฐฯ
· นายกรัฐมนตรีอินเดียประกาศมาตรการเคอร์ฟิว 1 วัน ในวันที่ 22 มี.ค. ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า จนถึง 3 ทุ่ม เพื่อศึกษาความร่วมมือของประชาชนและเพื่อนำประสบการณ์ที่จะได้รับจากมาตรการนี้มาปรับปรุงใช้สำหรับการควบคุมการระบาดของไวรัสในภายภาคหน้า
· รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งอิตาลีเรียกร้องให้สหภาพยุโรปพิจารณาออกพันธบัตรเพิ่ม เพื่อนำงบประมาณที่จะได้จากจุดนี้มาใช้สำหรับมาตรการรับมือ COVID-19
· รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งเยอรมนีส่งสัญญาณต้องการที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดทางธุรกิจสำหรับภาคการค้าปลีกลง เพื่อเสริมศักยภาพในการรับมือไวรัสของประเทศ
· รายงานจากเกาหลีใต้เผย รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น ทั้ง 3 ประเทศ จะร่วมกันประชุมทางไกลผ่านทางจอภาพ (Video conference) ภายในวันศุกร์นี้ เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีการรับมือไวรัสโคโรนา และวิธีรักษาสมดุลของเศรษฐกิจ
· รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น สนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่นที่จะผลักดันให้จัด "กีฬาโอลิมปิก 2020" ต่อไปตามกำหนดการเดิม
· ธนาคารกลางอังกฤษประกาศยกเลิกการทดสอบ stress test ในธนาคารรายใหญ่ 8 แห่งจากกำหนดการเดิมของปีนี้ เพื่อให้ภาคธนาคารสามารถมุ่งดำเนินการไปยังการรักษาสภาพคล่องของตลาดที่ถูกกดดันจากไวรัสได้
· ธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ ผิดคาดการณ์ของหลายๆฝ่ายที่คาดว่าจะมีมติปรับลดดอกเบี้ยลงอีก แต่ทางธนาคารกลางได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะผ่อนคลายนโยบายลงทันทีหากมีความจำเป็นสำหรับการช่วยเหลือเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัส
โดยธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ไว้ที่ระดับ 4.05% และระยะ 5 ปีที่ 4.75%
· สมาชิกอีซีบี เผยว่า การใช้มาตรการของอิีซีบีเพื่อตอบรับต่อวิกฤตครั้งใหม่ในการต่อสู้กับผลกระทบของไวรัสโคโรนาในเวลานี้ดูจะมีประสิทธิภาพ
· นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวถึงร่างกฎหมายฉบับฉุกเฉินเพื่อพยุงเศรษฐกิจจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งทางพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็เห็นพ้องกันที่จะร่วมประชุมหาข้อตกลงในวันนี้
งบประมาณฉบับเสริมวงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญดูจะเป็นการสนับสนุนแก่ทางการเงินโดยตรงแก่ภาคประชาชน และช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงภาคแรงงาน อันจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และช่วยสนับสนุนด้านสุขภาพอย่างมืออาชีพ รวมถึงการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
โดยผู้นำเสียงข้างมาก ยังกล่าวถึงความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด และเพื่อให้บรรลุผลข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งทางวุฒิสภาจะยังไม่ทำอะไรจนกว่ามาตรการจะเกิดขึ้น และการลงมติอาจเกิดขึ้นในวันนี้
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยถึงการจะแทรกแซงสงครามน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียในช่วงเวลาที่เหมาะสม
พร้อมกันนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากการที่สหรัฐฯมีแผนจะเข้าซื้อเพิ่ม 30 ล้านบาร์เรล สำหรับการกักตุนสต็อกน้ำมันฉุกเฉินในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. ขณะที่น้ำมันดิบในรัฐเท็กซัสกำลังพิจารณาที่จะปรับลดกำลังการผลิต
น้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ปรับขึ้น 43 เซนต์ หรือ +1.7% ที่ 26.34 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันปรับขึ้นได้มากถึง 5.5% ทำ High ที่ 27.34 เหรียญ/บาร์เรลในช่วงต้นตลาด
ทางด้านสัญญาน้ำมัน WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ที่จะหมดอายุในวันนี้ปรับขึ้น 43 เซนต์ ที่ 25.65 เหรียญ/บาร์เรล ภาพรวมปรับขึ้นไปได้ 24%
น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 28 เซนต์ หรือประมาณ +1% ที่ 28.75 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ Brent ปรับขึ้นได้กว่า 14.4% เมื่อวานนี้ถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันที่มากที่สุดตั้งแต่ก.ย. แต่ภาพรวมก็ยังคงปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4
อย่างไรก็ดี ทั้งน้ำมันดิบ WTI และ Brent ต่างก็ปรับตัวลดลงไปแล้วกว่า 40% ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่ที่กลุ่มโอเปก+ ไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้ และทำให้ซาอุดิอาระเบียประกาศจะเพิ่มกำลังการผลิต
· Goldman Sachs คาด สหรัฐฯจะสามารถช่วยหนุนราคาน้ำมันได้ หากตัดสินใจลดกำลังการผลิตลง
ผลการวิจัยโดย Goldman Sachs คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบ Brent จะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือระดับ 30 เหรียญ/บาร์เรลได้ภายในไตรมาสที่ 2/2020 หากสหรัฐฯพิจารณาจำกัดการผลิตน้ำมันเพื่อช่วยหนุนตลาดน้ำมัน
ขณะที่รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่าสหรัฐฯกำลังพิจารณาเข้ากอบกู้สมดุลของตลาดน้ำมันที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ด้วยการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯลง ซึ่งจะสามารถช่วยลดภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดได้
อย่างไรก็ตาม แม้การแทรกแซงของสหรัฐฯอาจช่วยเหลือตลาดน้ำมันในฝั่งอุปทานได้ แต่จะไม่สามารถช่วยฟื้นฟูปริมาณอุปสงค์ที่ลดลงไปถึง 8 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาได้แต่อย่างใด
Goldman Sachs คาดการณ์ว่าสหรัฐฯจำกัดการผลิตน้ำมันลง ราคาน้ำมัน WTI จะสามารถฟื้นตัวได้มากถึง 5 – 10 เหรียญ/บาร์เรล และจะกลับขึ้นไปบริเวณ 40 – 45 เหรียญ/บาร์เรล ได้ภายใปนี 2021