MTS Help Center

บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและโรคระบาดยังคงประสบความยากลำบากในการติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 เนื่องจากข้อมูลที่คลุมเครือไม่ชัดเจนว่าไวรัสแพร่ระบาดออกไปเป็นวงกว้างเท่าไหร่แล้ว

แม้ว่าสื่อหรือหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องจะมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตัวเลขที่รายงานออกมาเป็นตัวเลขที่ได้รับการบันทึกอย่างชัดเจนเท่านั้น และมีอีกส่วนที่ไม่มีการจดบันทึก

สาเหตุส่วนหนึ่งของความคลุมเครือของข้อมูลในสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความล่าช้าในการส่งเครื่องมือตรวจคัดกรองโรคให้กับโรงพยาบาลในสหรัฐฯ

“หากไม่รู้ขีดจำกัดของความสามารถในการตรวจคัดกรองโรคภายในประเทศ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะสามารถประเมินอัตราแพร่ระบาดของไวรัสได้” ศาสตราจารย์โยนาทัน กราด ศาสตราจารย์ด้านภูมิคุ้มกันและโรคติดต่อประจำมหาวิทยาลัย Harvardกล่าว “ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการตระหนักเสมอว่าตัวเลขที่ได้รับการรายงานออกมา ไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริงของการติดเชื้อที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน”

แต่เนื่องจากปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯมีการส่งมอบเครื่องมือสำหรับการตรวจหาเชื้อไวรัสให้กับโรงพยาบาลมากขึ้น ทำให้มีหลายพื้นที่สามารถตรวจหาเชื้อไวรัสได้ จึงเริ่มเห็นตัวเลขที่สูงขึ้นด้วยอัตราที่รวดเร็วกว่าเดิม แต่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าเดิมนี่แหละ จะสามารถช่วยให้วิเคราะห์อัตราการระบาดของไวรัสที่ชัดเจนยิ่งขึ้นได้

เพื่อช่วยให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทาง CNBC ขอนำเสนอข้อมูลการติดเชื้อในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรวบรวมโดยบรรดานักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ที่รวบรวมข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลก หน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ รวมถึงสถาบันระดับโลก เพื่อนำมาวิเคราะห์หาอัตราการขยายตัวของการติดเชื้อในสหรัฐฯ รวมถึงในประเทศอื่นๆ ดังต่อไปนี้

ยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลที่หลายๆฝ่ายให้ความสำคัญมากที่สุดในปัจจุบันคือจำนวนผู้ติดเชื้อจากทั่วโลก ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจีนยังคงสูงที่สุดในโลกที่มากกว่า 80,000 ราย

ในฝั่งสหรัฐฯ เมืองนิวยอร์กเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมากถึง 11,000 รายในวันที่ 21 มี.ค. มากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดในรัฐอื่นๆที่รายงานรวมกันในวันเดียวกันเสียอีก ขณะที่เมื่อวานนี้ นิวยอร์กรายงานผู้ติดเชื้อออกมาเพิ่มขึ้นอีก 15,000 ราย

แต่การวิเคราะห์จากยอดผู้ติดเชื้อเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถสรุปได้ว่าไวรัสได้แพร่ระบาดออกไปเป็นวงกว้างแค่ไหนแล้ว

นอกจากนี้ ยอดรวมผู้ติดเชื้อไม่ได้หักลบกับจำนวนผู้ที่ได้รับการรักษาหายแล้ว รวมถึงยังมีเสี่ยงที่อาจมีการรายงานผู้ติดเชื้อออกมาล่าช้าหรือล้ำเหลื่อมกัน เนื่องจากการใช้วิธีคัดกรองโรคที่แตกต่างกัน

“เมื่อผู้คนล้มป่วย โดยเฉพาะการป่วยด้วยโรคระบาดตัวใหม่ มักจะเวลาสักระยะหนึ่งจนกว่าจะสามารถผ่านกระบวนการตรวจสอบได้ทั้งหมด” ด็อกเตอร์แคทลิน ลิเวอร์ นักวิชาการอาวุโสจากสถาบันสุขภาพ Johns Hopkins กล่าว “ดังนั้นการที่เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากภายใน 1 วัน ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาติดเชื้อพร้อมๆกันในวันเดียว แต่หมายความพวกเขาอาจติดเชื้อเมื่อไม่นานมานี้”

ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์

ยอดรวมผู้ติดเชื้ออาจถูกหักลบออกไปได้ หากมีการยืนยันว่าผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคผิด

ในปัจจุบัน ข้อมูลที่ได้จากเคสที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อค่อนข้างที่จะมีจำกัด เนื่องจากข้อมูลที่ได้มาจากผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วเท่านั้น ยังมีผู้ป่วยที่มองว่าตัวเองไม่ได้ป่วยขนาดที่ต้องไปหาหมอหรือโรงพยาบาล หรือผู้ที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้อง เนื่องจากการขาดแคลนเครื่องมือ

ผลของมันจึงทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละวันเป็นข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถประเมินอัตราการระบาดได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยมองว่าข้อมูลดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการออกมาตรการควบคุมการระบาด โดยการใช้หลักการ “social distancing” หรือเว้นระยะห่างทางสังคม รวมไปถึงการใช้มาตรการอื่นๆที่อาจรัดกุมยิ่งกว่า เพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของไวรัส

การชะลอการแพ่ระบาดมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งกับการกระจายทรัพยากรทางการแพทย์ไปให้ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา และป้องกันไม่ให้ระบบการแพทย์ล้มเหลวในประเทศนั้นๆ

ด็อกเตอร์บรูซ วาย. ลี ศาสตราจารย์ด้านนโยบายสุขภาพสุขภาพประจำมหาวิทยาลัย The City University of New York ย้ำเตือนว่า ทุกคนควรตระหนักว่าการระบาดของไวรัสจะมีช่วงที่เป็นขาขึ้นและช่วงที่เป็นขาลง หรือเป็นลักษณะของรูป “เนิน (Slope)” ให้การให้ความร่วมมือกับมาตรการชะลอการระบาดของไวรัสจะช่วยสร้างผลกระทบที่ดียิ่งให้กับระบบการแพทย์ของประเทศ