ดัชนีดาวโจนส์ปิด +1,351.62 จุด หรือ +6.4% ที่ 22,552.17 จุด โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นในช่วง 3 วันที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 1931 และตลอดช่วง 3 วันทำการเราจะเห็นได้ถึงการปรับขึ้นของดัชนีไปแล้วกว่า 20%
ด้านดัชนี S&P500 ปิด +6.2% ที่ 2,630.07 จุด ขณะที่ Nasdaq ปิด +5.6% ที่ 7,797.54 จุด จากหุ้นบริษัท Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google-parent Alphabet ที่ปิดปรับขึ้นมากกว่า 4%
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้นหลังจากที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้นเกินคาดทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างมาก เพราะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนี Stoxx 600 ปิด +1.8% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและที่พักรีบาวน์ได้ 6%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวสูงขึ้นในเช้านี้หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ช่วง 3 วันทำการปรับตัวขึ้นดีที่สุดตั้งแต่ปี 1931 โดยดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +3.1% และ Kosdaq เปิด +4.29%
ทางด้านดัชนีนิกเกอิเปิด +2.07% และ Topix เปิด +2.5%
ในขณะที่ดัชนี S&P/ASX200 เปิด +0.3% และดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด +0.6%
ภาพรวมตลาดรอคอยข้อมูลผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมของจีนเดือนก.พ. ในเช้านี้ ว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างไร
· นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 32.50-32.85 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเคลื่อนไหวค่อนข้างกว้าง แต่ไม่เห็นอาการ Panic หรือปรับอ่อนค่าขึ้นไป เหมือนเคลื่อนไหวในกรอบเพื่อรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและรายละเอียดเนื้อหาสาระในขั้นตอนต่อๆไปของพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- กระทรวงสาธารณสุข แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ว่า วันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 111 ราย ยอดสะสมเพิ่มเป็น 1,045 ราย โดยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 88 ราย ยังรักษาอยู่ในรพ. 953 ราย มีทั้งอาการไม่รุนแรง รุนแรงปานกลางและรอผลตรวจยืนยัน ส่วนผู้เสียชีวิตคงที่ 4 ราย
- รมว.คลังของไทย กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 63ลดลงเหลือ -5.3% ว่า ไม่ได้ตกใจกับตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากตอนนี้ทราบสถานการณ์กันดีอยู่แล้วว่าได้รับผลกระทบเหมือนกันทั่วโลก ดังนั้นการที่ ธปท. มองว่า GDP ปีนี้จะ -5.3% นั้น ถือเป็นการสื่อสารเพื่อให้ประชาชนทราบว่าสถานการณ์ตอนนี้ตึงเครียด
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีนที่เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้การส่งออกของไทยอาจกลับมาขยายตัวช่วงปลายไตรมาส 2 สินค้าหลักที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มได้หลังจากนี้ ได้แก่ สินค้าอาหาร เช่น ข้าว ผักผลไม้ มันสำปะหลัง ยางพารา ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป เครื่องดื่ม สิ่งปรุงรสอาหาร ผู้บริโภคจีนยังมีกำลังซื้อเหลืออยู่มาก เนื่องจากจีนยกเลิกเทศกาลตรุษจีนเดือนมกราคมที่ผ่านมา ประกอบกับเศรษฐกิจจีนคาดว่าจะอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว จึงคาดว่าจะมีความต้องการสินค้าอีกมาก
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท. พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่กองทุนรวมทุกกอง ที่เป็นกองทุน Money Market Fund และกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็นกองเปิดทุกกอง ที่ได้รับผลกระทบจากการขาดสภาพคล่องของตลาดการเงิน โดยได้จัดตั้งกลไกพิเศษเพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่กองทุนรวมตราสารหนี้ (Mutual Fund Liquidity Facility: MFLF) ซึ่งกองทุนรวมทุกกองจะขอรับสภาพคล่องผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยการกู้ยืมผ่านการธุรกรรม repo หรือการกู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันและมีสัญญาว่าจะซื้อคืน ซึ่งธนาคารพาณิชย์ที่ให้ความช่วยเหลือจะสามารถกู้ยืมสภาพคล่องผ่านธุรกรรม repo จาก ธปท. ได้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย -0.5%) นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ สามารถรับซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนตามเกณฑ์และสามารถใช้หน่วยลงทุนมาเป็นหลักประกันในการกู้ยืมสภาพคล่องจาก ธปท. ได้เช่นกัน