· ราคาทองคำปรับลดลงท่ามกลางกระแสความต้องการถือครองเงินสด แม้ว่าบรรดาธนาคารกลางจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ราคาทองคำปรับลดลง 0.3% แถว 1,612.60 เหรียญ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ปรับลดลง 0.7% ด้านราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.6% แถว 1,643.70 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก CMC Markets ระบุว่า หากสถานการณ์ไวรัสย่ำแย่ลงมากแค่ไหน การเคลื่อนไหวแบบสัมพันธ์กันระหว่างทองคำและตลาดหุ้นก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น หมายความว่าหากเศรษฐกิจย่ำแย่ลง ทั้งตลาดหุ้นและราคาทองคำก็จะปรับลดลงด้วยกันทั้งคู่
· ตลาดหุ้นเอเชียและราคาน้ำมันต่างปรับลดลง ท่ามกลางความกังวลว่าภาวะ Shutdown ของเศรษฐกิจอาจยืดเยื้อออกไปอีกหลายเดือน
· ประธานองค์กร IMF ระบุว่า ผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ได้ทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
· บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกต่างเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อสินทรัพย์และลดดอกเบี้ย โดยการเคลื่อนไหวล่าสุดในวันนี้มาจากธนาคารกลางจีน สิงคโปร์ และนิวซีแลนด์
· สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯมีมติผ่านร่างนโยบายอัดฉีดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจเป็นมูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นมูลค่าที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก COVID-19
· ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนประชากรทั่วโลกที่เสียชีวิตจาก COVID-19 เพิ่มมากขึ้นรวมมากกว่า 34,000 ราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯเพิ่มเป็นมากกว่า 2,400 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากกว่า 141,000 ราย
· อีกปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ มาจากการที่ค่าเงินดอลลาร์เริ่มชะลอการอ่อนค่าลงท่ามกลางตลาดที่เข้าถือครองเงินดอลลาร์เพื่อป้องกันความเสี่ยงอีกครั้ง หลังจากเฟดประกาศใช้นโยบายเข้าซื้อสินทรัพย์แบบไม่จำกัดวงเงิน
· นักวิเคราะห์จาก IG Markets มองว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินดอลลาร์ ทำให้การเคลื่อนไหวแบบสวนทางกับระหว่างเงินดอลลาร์และราคาทองคำเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงดำเนินไปตามทฤษฎีปกติ
· กองทุน SPDR เพิ่มการถือครองทองคำ 1.2% สู่ระดับ 964.66 ตัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
· นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวเสริมว่า สถานะ Safe-haven ของทองคำยังไม่ได้สูญสิ้นไปไหน แต่ถ้าหากเศรษฐกิจยังคงทิศทางย่ำแย่ต่อไปแบบนี้ ทองคำก็มีโอกาสที่จะเสียสถานะดังกล่าวไป
· บรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนทั่วไปกว่า 71% ต่างคาดการณ์ว่าราคาทองคำในสัปดาห์จะมีโอกาสปรับสูงขึ้นต่อจากสัปดาห์ก่อนที่สามารถปรับขึ้นได้มากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤติทางการเงินปี 2008
โดยราคาในสัปดาห์ก่อนสามารถปรับขึ้นได้ท่ามกลางการประกาศใช้นโยบายเข้าซื้อสินทรัพย์แบบไม่จำกัดวงเงินจากเฟด รวมถึงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอื่นๆเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก COVID-19
รวมถึงการผ่านร่างนโยบายอัดฉัดเงิน 2 ล้านล้าในสภาคองเกรส ที่นับว่าเป็นเม็ดเงินอัดฉีดที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ และล่าสุดได้รับการลงนามบังคับใช้โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว
ผู้บริหาร RBC Wealth Management มองว่าราคาทองคำจะขึ้นต่อในสัปดาห์ได้ ท่ามกลางการประกาศใช้นโยบายอัดฉีดเงินจากฝั่งสหรัฐฯและจากบรรดาประเทศกลุ่ม G20 ที่ตกลงกันได้เมื่อสัปดาห์ก่อนเช่นกัน
นักกลยุทธ์จาก LaSalle Futures Group มองราคาทองคำขึ้นต่อสัปดาห์นี้ เนื่องจากดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยแถว 98.95 จุด ขณะที่การย่อลงของราคาทองคำเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เป็นเพียงการเทขายทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น ส่วนในระยะยาวมองว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นต่อ โดยจะมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,600 เหรียญ
ประธานสถาบัน Phoenix Futures and Options LLC มองราคาทองคำปรับขึ้นต่อสัปดาห์เช่นกัน โดยมองว่าแรงเทขายที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสัญญาทองคำกำลังจะหมดอายุ จึงมีการเทขายเพื่อทำกำไรหรือเพื่อ Roll-over มาซีรีย์ถัดไป
นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco ระบุว่าภาพรวมทางเทคนิคของราคาทองคำเป็นมิตรกับฝั่งขาขึ้น นักลงทุนจึงเริ่มมีความมั่นใจที่จะเข้าถือครองทองคำมากขึ้น แม้จะยังมีส่วนหนึ่งที่ต้องการเงินสดมากกว่าก็ตาม
ผู้บริหาร ForexLive มองว่าราคาทองคำจะปรับขึ้นต่อ เนื่องจากกระแสต้องการเงินสดในตลาดเริ่มเบาบางลงไปแล้ว และตลาดกลับมาให้ความสนใจกับสภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจอีกครั้ง
· ราคาพลาเดียมปรับลง 0.7% แถว 2,253.74 เหรียญ ส่วนราคาแพลทินัมปรับลง 3.5% แถว 715.36 เหรียญ และราคาซิลเวอร์ปรับลง 4.2% แถว 13.86 เหรียญ