• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 15 เมษายน 2563

    15 เมษายน 2563 | SET News

· E-mini Dow Jones Futures Technical Analysis: จับตาแนวต้าน 23,796 จุด และแนวรับ 23,571 จุด

บทวิเคราะห์โดย FX Empire ระบุว่าดัชนี E-mini Dow Jones Futuresสามารถปิดตลาดในแดนบวกได้เมื่อคืนที่ผ่านมา จากสัญญาณว่าทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ประเทศ แม้ว่าจะมีแรงกดดันมาจากการรายงานผลประกอบการที่ไม่ค่อยสดใสนักจากทาง JPMorgan กับ Wells Fargo ก็ตาม

Daily Swing Chart Technical Analysis

เมื่อพิจารณาจากกราฟรายวัน แนวโน้มหลักของดัชนียังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ระดับสูงสุดของวันที่ 3 มี.ค. ที่ 26,962 จุด ขณะที่ทิศทางจะเปลี่ยนเป็นขาลงหากดัชนีหลุดต่ำกว่า 20,500 จุด

ขณะที่แนวโน้มรองของดัชนีก็ยังเป็นขาขึ้นเช่นกัน แต่หากหลุดต่ำกว่า 22,988 จุด แนวโน้มก็จะเปลี่ยนเป็นขาลง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบยังแนวโน้มหลักให้มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงเช่นกัน

- สำหรับกรอบระยะสั้นมองไว้ระหว่าง 18,086 – 23,967 จุด โดยมีบริเวณ 21,027 - 20,333 เป็นแนวรับที่ใกล้ที่สุด

- ระยะกลางมองกรอบไว้ระหว่าง 18,086 - 26,962 โดยมีบริเวณ 22,524 - 23,571 เป็นแนวรับที่ใกล้ที่สุด

- ภาพหลักของดัชนีมองกรอบไว้ระหว่าง 18,086 - 29,506 จุด โดยบริเวณ 23,796 – 25,144 จุด เป็นแนวต้านที่กำลังถูกทดสอบ


· ตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลง เนื่องจาก IMF ที่มีการเตือนถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยอย่างย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ปี 1930 ที่ผ่านมา จึงเน้นย้ำถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น แม้ว่าบางประเทศจะพยายามเปิดธุรกิจอีกครั้งก็ตาม

ขณะที่ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน


· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง หลังจากขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนช่วงก่อนหน้านี้

เนื่องจากมีการเทขายหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลในภาวะเศรษฐกิจถดถอย

เหล่านักลงทุนยังคงให้ความสนใจหุ้นกลุ่มป้องกัน เช่น หุ้นสุขภาพ ขณะที่หุ้นวัฏจักรจำนวนมากมีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างอ่อนแอ เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร ผู้ส่งสินค้าและผู้ผลิตเหล็ก

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.45% ที่ระดับ 19,550.09 จุด หลังจากเพิ่มขึ้นได้ 3.13% เมื่อวานนี้


· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของประเทศที่ลดลงอย่างมากซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง

โดยธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปี สำหรับสถาบันการเงิน (MLF) ลง 0.20% สู่ระดับ 2.95% เพื่อที่จะต่อสู้กับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.57% ที่ระดับ 2,811.17%


· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง แม้ว่าบางประเทศจะเริ่มพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ Lockdown เพื่อให้เศรษฐกิจกทยอยกลับมาดำเนินการได้อีกครั้งก็ตาม

โดยดัชนี Stoxx600 ลดลง 1% ด้านหุ้นน้ำมันและก๊าซลดลง 3.4% ขณะที่หุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมีแนวโน้มลดลง 0.7%

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์


- "เอสแอนด์พี" ปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยลงสู่ "เสถียรภาพ" จาก "เชิงบวก" ผลจากโควิดระบาดหนัก ประเมิน "จีดีพี"ปีนี้ ส่อติดลบ 2.5% ก่อนกลับมาขยายตัว 7.6% ในปีหน้า


- ธนาคารกสิกรไทย คาดการณ์ผลกระทบจากการปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของไทยอาจทำให้นักลงทุนประเมินว่า

การลงทุนในไทยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทำให้ไทยเสี่ยงเผชิญเงินทุนไหลออก ส่งผลต่อเนื่องให้เงินบาทอ่อนค่าและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูง

ขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบดังกล่าวจะยังน้อยกว่าเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบ

ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกและไทยมีเสถียรภาพภาคต่างประเทศที่แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆ


- "สมาคมค้าทองคำ" ฟันธงแนวโน้มราคาทองยังขาขึ้น คาดมีโอกาสเห็น "นิวไฮ" รอบใหม่ หลัง 8 ปีก่อนทำสถิติสูงสุดที่

27,100 บาทต่อบาททองคำ วอนประชาชนอย่าเพิ่งรีบนำมาขาย เหตุร้านค้าหลายแห่งเริ่มขาดสภาพคล่องหนัก บางร้านส่อหยุดให้บริการชั่ว

คราวหวังลดปัญหา คนแห่เทขาย ไร้คนซื้อ


- รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้หลายประเทศปิดโรงงานผลิตหรือชะลอการ

ผลิตรถยนต์ จึงทำให้ความต้องการยางลดลงด้วย แต่สำหรับยางไทยยังมีโอกาสขยายส่งออกได้ เนื่องจากพบว่าทั่วโลกมีความต้องการ

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันไวรัสเพิ่มมากขึ้น อาทิ ถุงมือยาง ยางสังเคราะห์ที่ใช้ทำถุงมือยาง


- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,257.39 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด (+0.08%) มูลค่าซื้อขายราว 35,571 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,261.66 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,242.43 จุด

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าเปิดมาก็ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันที่ร่วงแรง แต่ในเวลาต่อมาตลาดฯก็สามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้ จากแรงซื้อหุ้นเป็นรายตัว อย่างหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นที่มีปัจจัยบวกจากซาอุดีอาระเบียปรับลดราคาน้ำมันอย่างเป็นทางการ (Official Selling Price: OSP) ของทางฝั่งเอเชีย ทำให้ต้นทุนโรงกลั่นถูกลง


- นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันจนทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น มียอดผู้ติดเชื้อน้อยลง แต่ต้องขอให้ประชาชนอย่าประมาท อย่าเพิ่งวางใจในสถานการณ์ เรามาถึงจุดที่คุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า จะต้องประเมินสถานการณ์และพิจารณาผลกระทบทุกด้านอย่างรอบคอบ โดยกระทรวงฯ จะจัดทำคำชี้แจงและข้อเสนอแนะไปให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ


- ประธานบริหารมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวถึงความสำเร็จของมาสด้าในปีงบประมาณ 62 ระหว่างเดือน เม.ย.

62-มี.ค. 63 ที่ผ่านมาว่าแม้ตลาดรถยนต์ในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันที่สูงมากอีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกรอบทิศทางแต่

มาสด้าก็ยังสามารถทำยอดขายรวมได้ถึง 51,702 คันลดลง 27% มีส่วนแบ่งการตลาด 5.5% ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมลดลง

11% อยู่ที่ 944,000 คัน ในปี 63 ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 60,000 คัน โดยจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่และรุ่นปรับโฉมอย่าง ต่อเนื่องโดย

เฉพาะรถอเนกประสงค์รวมไปถึงรถกระบะและรถยนต์นั่งเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าครบทุกกลุ่ม


อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 30 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,643 ราย ใน 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 43 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 1,497 ราย (56.6%) เพิ่มขึ้น 92 ราย

กรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยที่รับรักษาสะสมมากที่สุด 1,328 ราย ตามด้วย ภูเก็ต 190 ราย, นนทบุรี 149 ราย, สมุทรปราการ 108 ราย, ยะลา 93 ราย, ปัตตานี 85 ราย, ชลบุรี 81 ราย, สงขลา 56 ราย, เชียงใหม่ 40 ราย และปทุมธานี 33 ราย โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 71 ราย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com