· ราคาทองคำปรับลดลงท่ามกลางแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า แต่เป็นการย่อตัวแบบจำกัดเนื่องจากตลาดหุ้นที่ยังคงอ่อนแอหลังราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับร่วงต่ำกว่าระดับ 0 เหรียญ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อช่วงตลาดก่อนหน้า
ราคาทองคำปรับลดลง 0.2% แถว 1,689.17 เหรียญ หลังปรับขึ้นมากถึง 1% เมื่อวานนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับลดลง 0.3% แถว 1,706.70 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จาก IG Markets ระบุว่าตลาดในปัจจุบันดูจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างทองคำและเงินดอลลาร์ โดยทองคำเริ่มกลับมาเคลื่อนสวนทางกันกับตลาดหุ้นอีกครั้ง เห็นได้จากการที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแต่ราคาทองคำกลับได้รับแรงหนุนในฐานะ Safe-haven
ค่าเงินดอลลาร์มีการอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักในวันนี้
· ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI เริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมาในแดนบวก แต่การที่ราคาร่วงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ยังคงกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียอยู่
นักวิเคราะห์ระบุว่า สัญญาณความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในตลาดน้ำมัน เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำและค่าเงินดอลลาร์วันนี้ และสินทรัพย์ Safe-haven ยังมีแนวโน้มที่ปรับสูงขึ้นได้อีกจากปัจจัยดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำดูจะได้รับแรงหนุนมาจากการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเป็นบางส่วน เนื่องจากนักลงทุนมักถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่อาจขยายตัวจากราคาน้ำมันในระดับสูง การที่ราคาน้ำมันปรับลดลงอย่างรุนแรง ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเงินฝืด ซึ่งเป็นมุมมองของนักลงทุนบางส่วน
· นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า ในระยะยาว ราคาน้ำมันที่ตกต่ำจะเป็นปัจจัยทำให้เกิดภาวะเงินฝืด ซึ่งเป้นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ การที่ราคาทองคำปรับขึ้นได้เมื่อคืนมาจากความตื่นตระหนกในสภาวะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของตลาดน้ำมัน ทำให้เกิดแรงเข้าซื้อสินทรัพย์ Safe-haven ตามมา
โพลสำรวจจาก Reuters คาดการณ์ว่าราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวแบบสะสมพลังต่ำกว่าระดับสูงสุด ในช่วงปี 2020 และ 2021 เนื่องจากแรงกดดันของค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและการบริโภคการค้าปลีกที่ชะลอตัว เป็นปัจจัยบดบังแรงเข้าซื้อ Safe-haven
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Reuters คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะย่อตัวทดสอบแนวรับที่ระดับ 1,677 เหรียญ โดยมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่จะหลุดแนวรับดังกล่าว และลงต่อไปยังระดับ 1,634 เหรียญ
· Gold Price Prediction – คาดราคาทองคำปรับขึ้นต่อแบบ Sideways
บทวิเคราะห์จาก FX Empire ระบุว่าราคาทองคำเมื่อวานนี้มีการปรับสูงขึ้น แต่ยังคงเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบแบบสะสมพลังใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ยราย 10 วัน ที่ระดับ 1,688 เหรียญ สำหรับวันนี้มองแนวต้านของราคาไว้ที่ 1,747 เหรียญ และแนวต้านถัดไปที่ 1,791 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือน ส.ค. ปี 2012 โดยราคาดูเหมือนจะมีการรีบาวน์แถวเส้นค้าเฉลี่ยราย 10 วันที่ 1,685 เหรียญไปก่อนหน้านี้ ขณะที่สัญญาณของทิศทางระยะสั้นดูจะเริ่มเป็นลบ เนื่องจากเส้น Fast stochastic ส่งสัญญาณ Sell signal แถวระดับ 76 จุด จากระดับ Oversold ซึ่งเป็นการทำนายถึงโอกาสที่ราคาจะเคลื่อนไหวแบบปรับฐานต่อไป ขณะที่ภาพรวมระยะกลาง สัญญาณส่วนใหญ่ยังเป็นบวกและเริ่มที่สะสมพลังเมื่อพิจารณาจากการเคลื่อนไหวของเส้น MACD
· Gold: จับตาระดับสำคัญที่ 1,700 เหรียญ
บทวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่า หากราคาทองคำสามารถปรับขึ้นเหนือระดับ 1,700 เหรียญได้ ราคาจะมีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ 1,748 เหรียญ แต่หากราคาย่อตัวลงต่อ ราคาจะมีโอกาสลงทดสอบระดับ 1,650 เหรียญ
· Gold Price Analysis: ทองคำเป็นขาลงระยะสั้น เนื่องจากเผชิญแนวต้านที่แข็งแกร่ง
เครื่องมือ Confluence Detector ของ FX Street ประเมินว่าราคาทองคำมีแนวต้านแรกอยู่ท ระดับ 1,696 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับที่เส้น Fibonacci 23.6% ระยะ 1 สัปดาห์ และ เส้นค่าเฉลี่ยราย 50 ช.ม. มาบรรจบกัน
และจะมีแนวต้านที่แข็งแกร่งถัดไปอยู่ที่ระดับ 1,703 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือนก่อน และยังเป็นบริเวณที่มีระดับสำคัญทางเทคนิคหลากหลายเส้นมาบรรจบกัน ซึ่งได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ยราย 100 ช.ม. Pivot Point one-month Resistance 1 และ Fibonacci 38.2% ระยะ 1 สัปดาห์
ในขณะที่แนวรับแรกมองไว้ที่ระดับ 1,691 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับที่เส้นค่าเฉลี่ยราย 5 – 15 นาที รวมถึง Fibonacci 38.2% ระยะ 1 วัน เส้นค่าเฉลี่ยราย 10 ช.ม. Bollinger Band 1h-Middle และเส้นอื่นๆมาบรรจบกัน
ถัดไปลงไปอีก มองแนวรับที่น่าจับตาอยู่ที่ระดับ 1,680 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดรายสัปดาห์ และเส้น PP one-day S1 บรรจบกัน
· ราคาพลาเดียมปรับลง 0.8% แถว 2,147.53 เหรียญ ส่วนราคาแพลทินัมปรับลง 0.3% แถว 768.39 เหรียญ และราคาซิลเวอร์ปรับลง 1.1% แถว 15.21 เหรียญ
โพลสำรวจ Reuters ยังคงคาดการณ์ว่าราคาพลาเดียมจะปรับสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากตลาดจะยังอยู่ในภาวะมีอุปทานมากเกินไป อันเนื่องมาจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอการผลิตลง อุปสงค์ในพลาเดียมจึงอ่อนแอลงตาม