· ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางราคานั้นดิบที่ยังคงดิ่งลงอย่างหนัก และคาดการณ์ที่ว่าภาคบริษัทต่างๆจะยิ่งย่ำแย่จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ก้าวสู่ขาลง
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -2.67% ที่ 23,018.88 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด -3.07% ที่ 2,736.57 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด -3.48% ที่ 8,263.23 จุด
ภาพรวมทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงกว่า 1.6% โดยที่กลุ่มพลังงานร่วงลงติดต่อกัน 7 ครั้งในช่วง 8 วันทำการ ขณะที่การร่วงลงของสัญญาซื้อขายน้ำมันนำมาซึ่งความกังวลว่าเศรษฐกิจจะยิ่งได้รับผลร้ายจากการใช้มาตรการLockdown ที่ดูจะส่งผลให้กิจกรรมภาคธุรกิจถูกระงับและทำให้ประชาชนหลายล้านคนตกอยู่ในสภาวะไม่มีงานทำ
· เช้านี้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯฟิวเจอร์สเปิดปรับขึ้นได้เล็กน้อย นำโดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส เปิด +70 จุด หรือประมาณ +0.4% ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ฟิวเจอร์สก็เปิดปรับขึ้นตามที่ 0.3% และ 0.6% ตามลำดับ จากการที่สัญญาน้ำมันดิบ WTIส่งมอบเดือนเม.ย. รีบาวน์ได้
นอกจากนี้ ตลาดยังมีความเชื่อมั่นจากการที่วุฒิสภาพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถผ่านร่างกฎหมายการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก,โรงพยาบาล และอุปกรณ์การตรวจหาเชื้อไวรัสด้วยวงเงิน 4.84 แสนล้านเหรียญ พร้อมคาดส.ส.สหรัฐฯจะลงมติกันเร็วที่สุดในวันพฤหัสบดีนี้
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับลงจากความผันผวนของตลาดน้ำมันและตลาดยังสนใจกับการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนี Stoxx600 ปิด -3% และหุ้นกลุ่มทรัพยากรที่ดิ่งลงไปเกือบ 6%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับลงในเช้านี้ ท่ามกลางตลาดที่ยังมีแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดน้ำมันวานนี้ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -1.63% ด้าน Kosdaq ปิด -1.1% และ S&P/ASX200 เปิด -1.1%
สำหรับดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเปิด -0.34%
ด้านสัญญาส่งมอบน้ำมันดิบ WTI ในเช้านี้รีบาวน์กลับหลังดิ่งลงวานนี้ โดยเช้านี้ปรับขึ้นประมาณ 18.93% มาเคลื่อนไหวแถว 13.76 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ Brent ปิดปรับขึ้น 3.05% ที่ 19.92 เหรียญ/บาร์เรล
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.45-32.60 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องติดตามทิศ ทางราคาน้ำมันในตลาดโลก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือน มี.ค.63 โดยการส่งออกมีมูลค่า 22,404.6 ล้านเหรียญ ขยายตัว 4.17% จากตลาดคาดว่าจะหดตัว -5.8% โดยมีมูลค่าสูงสุดในรอบ 8เดือนจากสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,812.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 7.25% ขณะที่ดุลการค้าเกินดุล 1,592.1 ล้านเหรียญ
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีของไทย (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการการขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิของมาตรการชดเชยราย ได้แก่ ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบ หรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ให้ครอบคลุมทั่วถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากเดิม 9 ล้านคน เป็น 14 ล้านคน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
- ธนาคารออมสิน ขยายระยะเวลาพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยนี้เพิ่มจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน โดยไม่จำกัดยอดเงินต้นคงเหลือ ยกเว้นสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs วงเงินกู้คงเหลือเพิ่มจากไม่เกิน 20 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลโดยอัตโนมัติทันทีตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 30 ก.ย.63 โดยลูกค้าไม่ต้องยื่นแสดงความจำนงที่ธนาคารออมสินแต่อย่างใด
- นายกรัฐมนตรีของไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จะพิจารณาทบทวนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสัปดาห์หน้าว่ามีความจำเป็นต้องต่ออายุออกไปจากที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30เม.ย.นี้หรือไม่