· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ตอบรับกับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการรีบาวน์ของราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +260 จุด หรือ +1.1% ที่ 23,775 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิด +1.4% ที่ 2,837 จุดและ Nasdaq ปิด +1.7% ที่ 8,635 จุด
โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปิด -1.9% ทางด้าน S&P500 ปิด -1.3% และ Nasdaq ปิด -0.2%
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการลงนามงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 4.84 แสนล้านเหรียญ ในการช่วยเหลือเยียวยาภาคธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาลเพื่อสนับสนุนการตรวจหาเชื้อและต่อสู้กับไวรัสโคโรนา
· สัญญาดัชนีฟิวเจอร์สเปิดปรับลงในเช้านี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กำลังประเมินถึงความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งทางเศรษฐกิจโลก หลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนา
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับลงประมาณ 47 จุด หรือ -0.2% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เปิดปรับขึ้นประมาณ 0.4% และ 0.2%
ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า สหรัฐฯมีแผนจะทำการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจโดยเฟสแรกนิวยอร์กจะอนุญาตในกลุ่มก่อสร้างและภาคการผลิต ขณะที่เฟส 2 ในกลุ่มภาคธุรกิจต่างๆอาจจำเป็นต้องมีการดีไซน์แผนการกลับมาเปิดทำการที่ประกอบด้วยมาตรการ Social Distancing และอุปกรณ์ในการป้องกันต่างๆ ขณะที่ภาพรวมถือว่าเป็นข่าวดีที่โรงบาลในนิวยอร์กมีอัตราการผู้เสียชีวิตจากการระบาดของไวรัสลดลงในช่วง 14 วัน ใกล้ทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ขณะที่รัฐจอร์เจีย ดูจะเริ่มกลับมาเปิดทำการได้บางส่วน
· หุ้นยุโรปปิดปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบและผลประกอบการภาคบริษัทที่ยังเป็นที่สนใจของตลาด โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +1%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบวกในวันนี้ ท่ามกลางตลาดที่รอประชุมบีโอเจ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.91% และ Topix เปิด +0.47% โดยกลุ่มนักลงทุนรอคอยว่าบีโอเจจะหาวิธีรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างไร
ด้านดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.31% และ S&P/ASX200 ของออสเตรเลียก็เปิด ปรับขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด +0.09%
· ประชุมบีโอเจวันนี้ คาดประกาศเพิ่มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
ธนาคารกลางญีปุ่่นหรือบีโอเจจะมีการประชุมภายในวันนี้ ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ผ่านการสนับสนุนด้านงบประมาณให้กับภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
· นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 32.30-32.70 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนมี.ค. ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลอดจนผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ,ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตเดือนเม.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/การใช้จ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก Core PCE Price Index เดือนมี.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ. ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 (Preliminary) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอประเมินสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แผนการเปิดเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ และดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนเม.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยและ รมว.กลาโหม เรียก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เข้าพบในช่วงเช้าวันนี้ คาดว่าเป็นการหารือการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ โดยใช้เวลาหารือเกือบ 1 ชั่วโมง
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. พร้อมให้สถาบันการเงินยื่นรายชื่อลูกหนี้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และจำนวนเงินที่จะขอไปให้ความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.63 เป็นต้นไป และเมื่อ ธปท. ตรวจสอบว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์แล้ว สถาบันการเงินจะแจ้งผลการอนุมัติให้ทราบภายใน 10 วัน โดยคาดว่าจะเร่งโอนเงินให้ลูกหนี้ได้ภายในปลายสัปดาห์นี้
- ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการที่จะใช้เงินจากการ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นผู้พิจารณาการจ่ายเงินเยียวยาให้กับเกษตรกรตามฐานข้อมูลที่มีอยู่ โดยขณะนี้ยังไม่ได้ ข้อสรุป จนกว่าเรื่องจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)