· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% ท่ามกลางการประกาศรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยกลุ่มนักลงทุนจับตาการผ่อนปรนมาตรการ Shutdown ของหลายรัฐในสหรัฐฯ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 358.51 จุด หรือ +1.51% ที่ 24,133 จุด ขณะที่ S&P500 ปิด +1.47% ที่ 2,878.48 จุด และ Nasdaq ปิด +1.11% ที่ 8,730.16 จุด
ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการปรับขึ้นของดัชนีหลักสหรัฐฯจะเป็นไปอย่างจำกัดจนกว่าเราจะเห็นการหาวิธีรักษาอาการของไวรัสโคโรนาได้เป็นที่แล้วเสร็จ
หลายๆรัฐในสหรัฐฯเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Stay-at-Home เพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเดินหน้าได้และมีการว่างงานลดจำนวนลง แต่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าจีดีพีในช่วงไตรมาสแรกของสหรัฐฯจะหดตัวลงไป 4% โดยต้องติดตามการประกาศรายงานจีดีพีในคืนวันพุธนี้
นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับการประชุมเฟดสัปดาห์นี้ว่าจะมีบทสรุปต่อแนวทางการดำเนินนโยบายอย่างไร
· ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเปิด +20 จุด หรือคิดเป็น +0.05% ขณะที่ดัชนี S&P500 ฟิวเจอร์สเปิด +0.08% และ Nasdaq ฟิวเจอร์สเปิด +0.11%
การกลับมาเปิดทำการเศรษฐกิจบางส่วนของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นรัฐอลาสก้า, จอร์เจีย, รัฐแคโรไลนาตอนใต้, เทนเนสซี, เท็กซัส และอีกหลายๆรัฐดูจะเป็นปัจัจยบวกที่ดีต่อการฟื้นความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุน
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยผลการประชุมของบรรดาธนาคารกลางในสัปดาห์นี้ที่อาจมีการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการสนับสนุนเศรษบกิจที่ได้รับผลเสียจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +1.6% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มยานยนต์ที่ปิด +4.6%
กลุ่มนักลงทุนในยนุโรปกำลังรอดูกลยุทธ์การทยอยปลดล็อกดาวน์ประเทศในยูโรโซน ขณะที่อาจเห็นอีซีบีสัปดาห์นี้มีการประกาศผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ขณะที่เฟดเองก็จะมีการประชุมสองวันในสัปดาห์นี้
· ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนข้างทรงตัว ท่ามกลางแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อจากเมื่อคืน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะที่เก็บน้ำมันทั่วโลกเริ่มที่จะเต็ม เพราะปริมาณอุปสงค์ในน้ำมันที่อ่อนแอลงอย่างมากจากผลกระทบของวิกฤติไวรัสโคโรนา
โดยในญีปุ่น ดัชนี Nikkei เปิด -0.17% ส่วนดัชนี Topix เปิด -0.25% ฝั่งเกาหลีใต้ ดัชนี Kospi เปิด +0.36% ส่วนออสเตรเลีย ดัชนี ASX 200 เปิด -0.23%
ในภาพรวม ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิด +0.08%
ส่วนปัจจัยที่ตลาดหุ้นจะให้ความสนใจในวันนี้ คือการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของเครือธนาคาร HSBC
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นักบริหารเงิน คาดว่าเงินบาทวันนี้จะยังแกว่งแคบในกรอบระหว่าง 30.40-32.55 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอผลประชุม ครม. ในวันนี้ รวมทั้ง รอดูผลการประชุม FOMC วันที่ 29 เม.ย.และผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 30 เม.ย.
- กระทรวงพาณิชย์เสนอผลศึกษาและระดมความเห็นในงการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ของไทย ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแล้วกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าภายใต้ มาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไทย จำนวน 22,000 ราย วงเงิน 480,000 ล้านบาท มาตรการช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 200,000 ราย วงเงิน 210,000 ล้านบาท มาตรการให้สินเชื่อใหม่ของสถาบันการเงินของรัฐ วงเงินสำหรับธนาคารพาณิชย์ 55,000 ล้านบาท ภายใต้ สินเชื่อกรุงไทยต้านภัยโควิด จำนวน 500 ราย วงเงิน 6,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 222,500 ราย วงเงินรวมกว่า 696,000 ล้านบาท และยังจัด มาตรการเพิ่มเติมช่วยเหลือ SME เพื่อเยียวยาธุรกิจและรักษาการจ้างงาน ตาม พ.ร.ก. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบฯ วงเงิน 430,000 ล้านบาท รวมวงเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 1,126,000 ล้านบาท
- ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ในฐานะเป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาจากภาคธุรกิจ นำเสนอรายละเอียดแนวทางการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ประเทศในส่วนภาคธุรกิจเรียงลำดับในจังหวัดและธุรกิจที่จะเปิดดำเนินการก่อนและธุรกิจที่เปิดดำเนินการหลังสุดให้กับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ที่มีนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการพิจารณา