· รายงานจาก CNBC ระบุว่าตลาดหุ้นในสหรัฐฯเริ่มมีแรงเข้าซื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากประชาชนวัยหนุ่ม-สาวที่อาศัยช่วงจังหวะที่มูลค่าของตลาดหุ้นตกต่ำลงจากผลกระทบของวิกฤติไวรัสโคโรนาเพื่อเป็นโอกาสในการเริ่มต้นอาชีพนักลงทุนออนไลน์
การเทรดออนไลน์กำลังมีความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐฯ โดยสถาบันการลงทุนชั้นนำในสหรัฐฯอย่าง Robinhood รายงานว่ามีปริมาณการเติมเงินลงไปในพอร์ตมากเป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 ขณะที่การซื้อขายก็เพิ่มขึ้นกว่า 300% เมื่อเทียบกับช่วงปลายปี 2019 อีกด้านหนึ่ง สถาบัน eToro และ Raging Bull ต่างก็รายงานว่ามีปริมาณอุปสงค์สำหรับการเทรดออนไลน์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันถึง 220% และ 158% ตามลำดับ
โดยทาง Raging Bull ระบุว่ามากกว่าครึ่งหนึ่ง (55%) ของบัญชีเทรดออนไลน์ที่เปิดใหม่มาจากผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 34 ปีทั้งสิ้น ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่น่าประหลาดใจ ขณะที่ทางผู้ร่วมก่อตั้ง Raging Bull ระบุว่า คนในรุ่น "มิลเลนเนียล" (Millennials) กำลังใช้โอกาสที่ตลาดหุ้นตกต่ำในการสร้างผลกำไรให้กับตัวเอง
· S&P 500 Technical Analysis
นักวิเคราะห์จาก Daily FX ประเมินว่าดัชนี S&P 500 อาจกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยดัชนีกำลังพยายามปรับขึ้นเหนือระดับสูงสุดของวันที่ 17 เม.ย. ขณะที่เส้น RSI เริ่มเคลื่อนไหวลงในแดนลบมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่าทิศทางขาขึ้นกำลังอ่อนแอลง ดังนั้นดัชนีจะมีโอกาสย่อตัวหากไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 2,885 จุดตามที่เห็นในกราฟรายวันไปได้ นอกจากนี้ ดัชนีกำลังเคลื่อนไหวในกรอบ Rising Wedge ที่ก่อตัวจากระดับต่ำสุดของเดือนที่แล้ว
· ตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่ปรับสูงขึ้นในวันนี้ ขณะที่ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงท่ามกลางแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด จนบดบังความหวังเกี่ยวกับการกลับมาเปิดเศรษฐกิจที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นในช่วงนี้
โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลง 0.2% ขณะที่ดัชนี CSI300 ของตลาดหุ้นจีนปรับสูงขึ้น 0.65% และดัชนี Kospi ของเกาหลีเหนือใต้ปรับขึ้น 0.4% ขณะที่ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นค่อนข้างทรงตัว
· เครือธนาคาร HSBC ประกาศผลกำไรก่อนคำนวณภาษีในไตรมาสแรกออกมาลดลง 48% เมื่อเทียบกับปีก่อน สู่ระดับ 3.229 พันล้านเหรียญ เทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้าการประกาศที่คาดว่าผลกำไรอาจลดลงไปมากถึง 50% ขณะที่ผลประกอบการประกาศออกมาลดลง 5% สู่ระดับ 1.3686 หมื่นล้านเหรียญ
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดค่อนข้างทรงตัว ท่ามกลางการเทขายทำกำไรจากนักลงทุนก่อนเข้าสู่วันหยุด หลังจากที่ตลาดหุ้นสามารถปรับสูงขึ้นได้เมื่อวานจากการรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่ออกมาดีกว่าที่คาด
โดยดัชนี Nikkei ปิด -0.1% ที่ระดับ 19,771.19 จุด หลังจากเมื่อวานสูงขึ้นได้ 2.7% ก่อนที่ตลาดญี่ปุ่นจะปิดทำการในวันหยุดประจำชาติ (Showa Day) พรุ่งนี้
· ตลาดหุ้นจีนปิดผสมผสานกันในวันนี้ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิฟและกลุ่มธุรกิจเกิดใหม่ปรับสูงขึ้นได้หลังจากการประกาศนโยบายเศรษฐกิจครั้งล่าสุด ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ปรับลดลงก่อนหน้าการรายงานผลประกอบการจากธนาคารรายใหญ่ ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะออกมาไม่สดใสเท่าไหร่
ทั้งนี้ ดัชนี Blue-chip CSI300 ปิด +0.7% นำโดยกลุ่มการเงินเที่ปรับขึ้น 0.9% กลุ่มอุปโภคบริโภค +1.5% กลุ่มอสังหาฯ +1.1% และกลุ่มสุขภาพ +0.2%
ด้านดัชนี Shanghai Composite ปิด -0.2% แถง 2,810.02 จุด หลังจากลดลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างก่อนปิดตลาด
· หุ้นยุโรปสูงขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับผลประกอบการและราคาน้ำมัน
ตลาดยุโรปเปิดสูงขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนี Stoxx 600 ปรับตัวสูงขึ้น 0.15% เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนตอบรับราคาน้ำมันที่ร่วงลงและผลประกอบการบริษัทรายใหญ่ ขณะที่หุ้นกลุ่มประกันภัยและกลุ่มสื่อต่างก็ปรับตัวสูงขึ้น 0.7% แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันและแก๊สปรับตัวลง 0.9%
ตลาดน้ำมันทั่วโลกให้ความสนใจกับราคาน้ำมันว่าจะร่วงลงอย่างต่อเนื่องจากไวรัสโคโรนาทำให้อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกลดลง กดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวลง
ส่วนของข่าวผลประกอบการ HSBC ซึ่งเป็นธนาคารยุโรปที่ใหญ่ที่สุด พบว่าผลประกอบการร่วงลง 48%เมื่อเทียบรายปีสู่ระดับ 3.229 พันล้านเหรียญในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่ผลกำไรบริษัทปรับลงไปประมาณ 5% ที่ 1.3686 หมื่นล้านเหรียญ
อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ
- ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่โควิด-19 เพิ่ม 7 ราย รวมยอดสะสม 2,938 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรวม 54 ราย
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 7 ราย รวมยอดสะสม 2,938 ราย ใน 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย ยอดผู้เสียชีวิตรวม 54 ราย รักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 43 ราย รวม 2,652 ราย
- ครม. มีมติไม่เลื่อน 4 วันหยุด นักขัตฤกษ์ เดือนพฤษภาคม
การที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. วาระพิจารณาเรื่องวันหยุดนักขัตฤกษ์ของเดือนพฤษภาคม 2563 หลังจากที่ประชุม ศบค. เสนอให้เลื่อนวันหยุด ทั้ง 4 วัน ประกอบด้วย วันแรงงาน 1 พ.ค. วันฉัตรมงคลวันที่ 4 พ.ค. วันวิสาขบูชาวันที่ 6 พ.ค. และวันพืชมงคลวันที่ 11 พ.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม ครม. มีความเห็นตรงกันข้าม โดยมีมติว่าให้มีวันหยุดทั้ง 4 วันเหมือนเดิม เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องมีความเข้มงวดในมาตรการต่าง ๆ
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม ครม. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะแถลงรายละเอียดอีกครั้ง.
อ้างอิงจากสำนักข่าวสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า เงินบาทสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากทั้งผู้ส่งออกและนำเข้ายังคงทยอยหายไปจากตลาด ทำให้การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่เป็นไปตามทิศทางของตลาดหุ้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าได้ ถ้านโยบายการเงินของสหรัฐผ่อนคลายมากกว่าธนาคารกลางใหญ่อื่นๆ นอกจากนี้ อยากให้จับตาการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเริ่มมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น จากภาพการระบาดของไวรัสที่ชะลอตัว นโยบายการเงินที่เริ่มส่งผล สะท้อนจากบอนด์ยีลด์สเปนและอิตาลีที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง ปัจจัยนี้จะทำให้เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าได้ในระยะยาว กรอบเงินบาทรายสัปดาห์ 32.15-32.75 บาทต่อดอลลาร์
- เกษตรฯ ชง ครม. เคาะเยียวยาครัวเรือนละ 1.5 หมื่นบาท "สมคิด" เผยสำรองวงเงินอุ้มไว้แล้ว 3 เดือน พร้อมเตรียมเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจจากงบ 4 แสนล้าน เน้นกระตุ้นการจ้างงาน มั่นใจ ดัน "จีดีพี" ฟื้นเร็ว เผยยอดซอฟท์โลนวันแรก 2.4 หมื่นล้าน
- ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้คาดว่าภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทย ติดลบ 7% อยู่ที่มูลค่า 4.8 ล้านล้านบาท ลดลงจาก 5.2 ล้านล้านบาท ในช่วงปี 62 ที่ผ่านมา โดยช่วงไตรมาส 1 ถือเป็นจุดต่ำสุดของตลาดลดลงไป 16% หรือประมาณ 800,000 ล้านบาท จากผลกระทบของการปิดตัวของ 4 กองทุนตราสารหนี้มากถึง 400,00ล้านบาท และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งผลกระทบข้างเคียงจากมูลค่าที่ลดลง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มขาดความเชื่อมั่นอีก 400,000 ล้านบาท
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เร่งประสานงานกับสำนักงบประมาณ สำนักนายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาโครงการที่เหมาะสม เพื่อรองรับการใช้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนที่สอง ที่เตรียมไว้ 4 แสนล้านบาท โดยเน้นเฉพาะโครงการที่สามารถทำให้เศรษฐกิจ
- จุรินทร์" ถอน "ซีพีทีพีพี" ไม่ชงให้ ครม. 28 เม.ย.นี้ ไฟเขียวให้ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก หลังก่อนหน้านี้ "กนศ." ที่ มี "สมคิด" เป็นประธานมีมติให้พาณิชย์ชง ครม.ตัดสินใจเหตุมีหลายประเด็นที่เป็นข้อกังวล ย้ำชัด ไม่เสนอให้ ครม.พิจารณาอีก ถ้ายังมีความเห็นขัดแย้ง ขณะที่ "เอฟทีเอวอตช์" เฮลั่น! พาณิชย์ยอมถอย
อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- ครม.เคาะขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-เคอร์ฟิว 1 เดือน จัดกลุ่มธุรกิจ 4 ระดับ ระดับละ 14 วัน ก่อนทยอยเปิดตามความเสี่ยงต่ำไปสูง พร้อมมีมติไม่เลื่อนวันหยุดในเดือนพ.ค.
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบขยายการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน จากเดิมสิ้นสุด 30 เม.ย.นี้ เป็นสิ้นสุด 31 พ.ค. 63 รวมถึงยังคงมาตรการห้ามบุคคลออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ด้วย
ขณะที่การผ่อนคลายการเปิดสถานที่หรือการปลดล็อกบางส่วนนั้น อยู่ระหว่างพิจารณาของคณะทำงาน โดยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงปัจจัยด้านการสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งการกำหนดการเปิดสถานที่ หรือสถานประกอบการจะมีการจัดกลุ่มความเสี่ยง ประกอบด้วย 4 สี คือ ขาว เหลือง เขียว แดง ซึ่งจะจัดให้เปิดตามความพร้อมระดับละ 14 วัน จากความเสี่ยงต่ำ ไปถึงความเสี่ยงสูง และปัจจัยองค์ประกอบ และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ ซึ่งทั้งหมดจะมีการหารือเพื่อจัดทำข้อสรุปอีกครั้ง
- PTT ยันไม่ได้รับผลกระทบจากกรณี บ.ซิงหลง ในสิงคโปร์ขาดสภาพคล่อง พร้อมมั่นใจชำระคืนหุ้นกู้ในปีนี้ครบตมกำหนด ย้ำไม่ขอรับความช่วยเหลือ “กองทุนพยุงหุ้นกู้”
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ชี้แจงข่าว กรณีบริษัท Hin Leong Trading Pte Ltd. หรือซิงหลง ประสบปัญหาขาดทุนและขาดสภาพคล่องจากการเก็งกำไรน้ำมันที่ผิดพลาด และอาจส่งผลกระทบกับ PTT ว่า
ที่ผ่านมา บริษัท ปตท. ค้าสากล จำกัด (PTTT) ที่สิงคโปร์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ PTT มีการขายน้ำมันแก๊สโซลีน ให้แก่บริษัทซิงหลง ผ่านตลาด Platts ด้วยเงื่อนไขตราสารเครดิต (LC) จากธนาคารชั้นนำ จึงไม่ได้รับผลกระทบต่อความเสี่ยงในการชำระเงินแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตั้งแต่กลางเดือน เมษายน 2563 ทาง PTTT ได้หยุดการทำธุรกรรมกับบริษัทดังกล่าวแล้ว
- TRUE วอลุ่มคึกคัก ตั้งแต่บอร์ดมีมติซื้อหุ้นคืนราคาขยับขึ้นมาแล้วกว่า 7% แถมราคาปัจจุบันยังแซงหน้าราคาเฉลี่ยซื้อหุ้นคืนที่ 3 บาท/หุ้น เจาะพื้นฐานพบประกาศผลงานไตรมาสแรกกลางเดือน พ.ค.นี้ กลับมาพลิกเป็นขาดทุน ส่วนทั้งปีนี้เผชิญขาดทุนกว่า 4 พันลบ. ขณะที่ฐานะการเงินน่าเป็นห่วงเพราะมีหุ้นกู้ 3.3 หมื่นลบ.ครบกำหนดในปีนี้ แต่สถานการณ์ตลาดหุ้นกู้กลับไม่อำนวย
ราคาหุ้น บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ TRUE วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 2% โดยปริมาณการซื้อค่อนข้างหนาแน่นติดอันดับ 1 ใน 5 หุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในตลาดหุ้น
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า นับตั้งแต่วันที่บอร์ดมีมติซื้อหุ้นคืน ราคาหุ้น TRUE ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นมากว่า 7% มาอยู่ที่ระดับ 3.30 บาท ทำให้เกิดคำถามว่า หรือผลงาน TRUE จะมีเซอร์ไพร์ส