· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลง แม้นักลงทุนจะมีความหวังจากข่าวที่จะมีการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจได้บางส่วนก็ตาม โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด -32.23 จุด หรือ -0.13% ที่ 24,101.55 จุด ด้าน S&P500 ปิด -0.52%ที่ 2,863.99 จุด และ Nasdaq ปิด -1.4% ที่ 8,607.73 จุด
สำหรับการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ คาดภาพรวมผลประกอบการใน S&P500 จะปรับลงไป 14.8% จากปีก่อน ขณะที่ตลาดรอคอยผลประชุมเฟดในคืนนี้ว่าจะมีมุมมองอย่างไรต่อข้อมูลว่างงานล่าสุด รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเมื่อวานนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯในเดือนเม.ย. ร่วงลงต่อ และยิ่งตอกย้ำถึงผลกระทบที่จะเห็นเศรษฐกิจปรับลงต่อ
· ด้านดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้เปิดปรับลงต่ออีกประมาณ 60 จุด ทางด้าน S&P500 และ Nasdaq ก็ปรับลงต่อ โดยตลาดให้ความสนใจต่อการหาสัญญาณชี้นำจากเฟดในเรื่องของระดับดอกเบี้ยในอนาคต ควบคู่กับการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจ
หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Morgan Stanley ระบุว่า ยังไม่มีแนวโมที่เฟดจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระดับดอกเบี้ยที่ใกล้ 0% จนกว่าจะเห็นสถานการณ์การระบาดของไวรัสดูดีขึ้น และตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 แต่ความผันผวนก็ยังมีอยู่และอาจทำให้เฟดต้องใช้นโยบายสนับสนุนต่อไป
นอกจากนี้ ยังไม่มีใครคาดว่าจะเห็นเฟดปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ย แต่เฟดมีความเป็นไปได้ที่อาจจะปรับดอกเบี้ยภาคธนาคาร รวมทั้งเป้าหมายการเข้าซื้อสินทรัพย์ได้ ขณะเดียวกันตลาดก็รอคอยข้อมูลจีดีพีสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้เวลา 19.30น. ท่ามกลางนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจีดีพีสหรัฐฯจะหดตัวลงประมาณ 3.5% ในไตรมาสแรก หลังจากที่ไตรมาสที่ 4/2019 ขยายตัวได้ 2.1%
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้นท่ามกลางนักลงทุนที่ค่อนข้างตอบรับตามความผันผวนจากการประกาศรายงานผลประกอบการภาคบริษัท โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +1.5% ด้านหุ้นกลุ่มธนาคารดีดขึ้น 4.6% และทำให้ดัชนีโดยรวมอื่นๆเคลื่อนไหวในแดนบวก
· New York Stock Exchange จะกลับมาเปิดทำการบางส่วนในวันจันทร์หน้า โดยเริ่มเปิดที่ซานฟรานซิสโกก่อน แต่นิวยอร์กยังคงปิดทำการอยูหลังจากที่ปิดทำการตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.เนื่องจากวิกฤตไวรัสโคโรนา
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนกำลังรอคอยผลการประชุมเฟดประจำเดือนเม.ย.ที่จะประกาศในคืนนี้
โดยดัชนี Kospi เกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 0.12% ด้านดัชนี S&P/ASX 200 เพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากหุ้นของธนาคารใหญ่ๆ เช่น Commonwealth Bank of Australia และ Westpac ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่สำนักข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า บริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิคส์ของเกาหลีใต้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่ 4.9 ล้านล้านวอนเกาหลี (ประมาณ 4.01 พันล้านเหรียญ) ซึ่งยังต่ำกว่าที่ Refinitiv คาดไว้ที่ 5.1 ล้านล้านวอน
สำหรับวันนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปิดทำการเนื่องในวันโชวะ (Shōwa Day)
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.21%
· นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 32.40-32.55 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังขาดทิศทางที่ชัดเจนคงจะรอผลประชุมเฟด ขณะที่มติ ครม.เรื่องวันหยุดนักขัตฤกษ์ประจำเดือนพ.ค.ก็ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติทำให้ภาคธนาคารและสถาบันการเงินไม่ต้องเลื่อนแผนงานต่างๆ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. รวม 3 ฉบับ (มาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ หรือThailand Plus Package) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มติเห็นชอบใช้เงินกู้ตามพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปี 63 จำนวน 16 ล้านราย และ เกษตรกร จำนวน 10 ล้านราย
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Modern Trade (Modern Trade Sentiment Index : MTSI) ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 63 อยู่ที่ระดับ 47.2 ลดลงจากไตรมาส 4/62 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 51.1 โดยดัชนีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 50 (ซึ่งถือว่าเป็นระดับปกติ) เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส หรือเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ที่เริ่มทำการสำรวจเมื่อไตรมาส 3/61 โดยดัชนี MTSI ปรับตัวลดลงในทุกภาคจากไตรมาสก่อนหน้า
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทบทวนปรับประมาณการรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยปีนี้ ประเมินว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้จะลดเหลือ 1.14 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าปี 62 ที่มีรายได้ราว 3 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงเหลือ 16 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยกว่า 39.8 ล้านคน ช่วยสร้างรายได้ประมาณ 7.4 แสนล้านบาท ขณะที่แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศคาดลดลงเหลือ 68 ล้านคนต่อครั้ง ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะมีจำนวนกว่า 160 ล้านคนต่อครั้ง แต่ก็เป็นส่วนช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศประมาณ 4 แสนล้านบาท