· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวสูงขึ้นจากความหวังที่จะเห็นผลจากการใช้ตัวยารักษาอาการผู้ป่วยไวรัสโคโรนาจึงทำให้หุ้นสหรัฐฯไม่ได้ตอบรับต่อข่าวจีดีพีสหรัฐฯที่ออกมาแย่เกินคาด
ดัชนีดาวโจนส์ปิด +532.31 จุดหรือ +2.21% ที่ระดับ 24,633.86 จุด ด้าน S&P500 ปิด +2.66% ที่ 2,939.51 จุด และ Nasdaq ปิด +3.57% ที่ 8,914.71 จุด
ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีดูจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ดัชนี S&P500 และ Nasdaq รวมทั้งภาพรวมของ 3 ดัชนีหลักสหรัฐฯปิดปรับขึ้นใกล้ระดับ All-Time Highs ที่เคยทำไว้ในเดือนก.พ.
เศรษฐกิจสหรัฐฯดูจะได้รับความเสียหายมากที่สุดในรอบกว่า 11 ปี หลังการประกาศจีดีพีไตรมาสแรกครั้งที่ 1 ออกมาที่ -4.8% และทำให้ยุติภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ขยายตัวได้นานเป็นประวัติการณ์ ขณะที่หลายๆฝ่ายก็เชื่อว่าความเลวร้ายต่างๆยังไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี สรุปการประชุมเฟด 2 วันมานี้พบว่าเฟดยังคงดอกเบี้ย และนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานฟด กล่าวเตือนว่าเศรษฐกิจอาจร่วงลงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในไตรมาสปัจจุบัน แต่ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจจะเดินหน้าต่อได้เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการข้อบังคับ และเฟดยังเดินหน้าสนับสนุนการฟื้นตัว
· หุ้นยุโรปปิดสูงขึ้น โดยดัชนี Stoxx 600 ปิดสูงขึ้นประมาณ 1.8% พร้อมกับตลาดหุ้นหลายภาคส่วนอยู่ในแดนบวก หลังจากที่การทดลองใช้ยารักษาไวรัสโคโรนาออกมาเป็นผลดี หุ้น Deutsche Bank ปรับตัวขึ้น 12%
ตลาดยุโรปปิดสูงขึ้นหลังจากบริษัท Gilead Sciences ระบุว่า การทดลองใช้ยา Remdesivir รักษาไวรัสโคโรนาออกมาเป็นผลดี
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวสูงขึ้นในเช้านี้ตามข่าวเชิงบวกต่อโอกาสการรักษาอาการผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +2.55% ด้าน Topix เปิด +1.94% ขณะที่ Kospi ของเกาหลีใต้เปิด +0.7% และดัชนี S&P/ASX200 เปิด +0.78%
ภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด +0.28%
กลุ่มนักลงทุนกำลังจับตาไปยังความคืบหน้าและการพัฒนาตัวยาต้านไวรัสของ Gilead Sciences ที่มีความเป็นไปได้มากขึ้นในการรักษาอาการผู้ติดเชื้อ
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.25 - 32.60 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยคณะกรรมการกำกับกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (BSF) ได้ออกประกาศในวันนี้ เรื่องนโยบาย แนวทางการดำเนินงาน กรอบการลงทุน และกรอบการบริหารความเสี่ยงของกองทุน BSF ตาม พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ปี 63 พร้อมเปิดเผยผลการคัดเลือกให้ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เข้ามาทำหน้าที่ลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่ออกใหม่ ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้บริษัทยื่นขอรับความช่วยเหลือ ทั้งนี้ จะต้องเป็นบริษัทผู้ออกตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณปี 63 (ต.ค.62 - มี.ค.63) ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 1,143,571 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 15,572 ล้านบาท หรือ 1.3% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.5% ทั้งนี้ รายได้จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมีการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีให้แก่ผู้มีหน้าที่ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประกอบกับได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโค โรนา 2019 (โควิด-19)
ขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมี.ค.63 หดตัวลง -11.25% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลกระทบเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและภัยแล้ง ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ไตรมาสแรกปี 63 หดตัวลง -6.63% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน