• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 4 พฤษภาคม 2563

    4 พฤษภาคม 2563 | SET News

· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ โดยถูกเทขายอย่างหนักหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่มขู่กลับมาขึ้นภาษีกับจีน ทำให้ตลาดเกิดความกังวลกับภาวะสงครามการค้า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่คงได้รับผลกระทบจากากรระบาดของไวรัสโคโรนา

โดยทั้ง 3 ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯปิดลดลงมากกว่า 2% ภาพรวมรายสัปดาห์จึงกลับมาปิดค่อนข้างทรงตัวจากระดับเปิดตลาด

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิด -622.03 จุด หรือ -2.55% ที่ระดับ 23,723.69 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิด -81.72 จุด หรือ -2.81% ที่ระดับ 2,830.81 จุด ส่วนดัชนี Nasdaq ปิด -284.60 จุด หรือ 3.2% ที่ระดับ 8,604.95 จุด

· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนลบ ท่ามกลางตลาดหลักๆที่ปิดทำการในวันหยุด

โดยดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ร่วงลง 2.28% ขณะที่ดัชนี Kosdaq ลดลง 0.59% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียร่วงลง 0.51% และหุ้นธนาคาร Westpac ตกลงเล็กน้อยหลังจากที่ธนาคารประกาศผลประกอบการที่ลดลงในครึ่งปีแรกและยืดเวลาการจ่ายเงินปันผล

ในภาพรวม ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เปิด -0.78%

ขณะที่ตลาดที่จีน ญี่ปุ่นและไทยปิดทำการในวันนี้เนื่องจากเป็นวันหยุด

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์นี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20-32.75 บาท/ดอลลาร์ โดยจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ต้องติดตามความไม่แน่นอนเรื่องการ ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการเริ่มเปิดเมืองของประเทศต่างๆ ตลอดจนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เช่น ตัวเลขการจ้างงานฯ ขณะที่ที่ปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งระยะหลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมถึงติดตาม การเยียวยาของภาครัฐฯเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนในส่วนต่างๆ

- ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงมาตรการผ่อนปรนกิจการ/กิจกรรมใน 6 กลุ่มแรก เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.นี้ ประกอบด้วย

1. ตลาด

2.ร้านจำหน่ายอาหาร

3.กิจการค้าปลีก-ส่ง

4. กีฬา สันทนาการ

5. ร้านตัดผมเสริมสวย

6. อื่นๆ ได้แก่ ร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับเลี้ยงรับฝากสัตว์

อย่างไรก็ดี ศบค. ยังไม่ได้ยกเลิกคำสั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งจะทำให้การจำหน่ายสุรา ไวน์ และเบียร์ต่างๆ ยังไม่สามารถทำได้ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน มี.ค.63 หดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่หดตัวรุนแรง หลังหลายประเทศ รวมถึงไทยประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศด้านการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำหดตัวสูงขึ้นตามอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าและราคาน้ำมัน สำหรับเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวตามปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อที่อ่อนแอลง และมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดขึ้น

รวมทั้ง กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 คาดว่าจะติดลบแน่นอน ส่วนตัวเลขจริงจะติดลบมากน้อยเพียงใดนั้นต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ในวันที่ 18 พ.ค.นี้ และคาดว่าจะเห็นการหดตัวที่มากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ส่วนไตรมาสถัดๆ ไปนั้น ต้องติดตามจากหลายปัจจัย เช่นสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ, จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ,ภาวะเศรษฐกิจโลก และผลจากมาตรการของภาครัฐ 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าภาพรวมการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกในปี 63 จะยังหดตัวราว 5-8% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะค้าปลีกที่ขายสินค้าไม่จำเป็น/ฟุ่มเฟือย เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าเฉพาะอย่างวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านน่าจะได้รับผลกระทบรุนแรงและกลับมาฟื้นตัวได้ช้ากว่าค้าปลีกที่เน้นขายสินค้าจำเป็นพวกอุปโภคบริโภคอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ของโมเดิร์นเทรด ผู้ผลิตสินค้า และ Social Commerce

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวภายหลังการประชุมหารือร่วมกับคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปี 63 ว่า ได้สั่งการให้คณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาหลักเกณฑ์กำหนดรูปแบบโครงการที่ก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับชุมชนและท้องถิ่น Local Economyเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือนพ.ค.นี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com