· ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัว ท่ามกลางแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า แม้ราคาจะมีแรงหนุนมาจากข่าวความตึงเครียดด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรนา
โดยราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวแถว 1,699.49 เหรียญ หลังจากเมื่อวันศุกร์ปิดตลาดสูงขึ้นกว่า 1% จากข่าวที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่มขู่จะขึ้นภาษีจากจีน ขณะที่ราคาสัญญาทองคำปรับสูงขึ้น 0.4% แถว 1,707.90 เหรียญ
· นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ระบุว่ามีหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่าไวรัสโคโรนามีต้นกำเนิดมาจากห้องแล็บในประเทศจีน แต่เป็นถ้อยแถลงที่ขัดแย้งกับหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯที่ระบุว่าเชื้อไวรัสไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์
ถ้อยแถลงของนายปอมเปโอ เกิดขึ้นหลังจากนายทรัมป์ระบุว่าการขึ้นภาษีกับจีน เป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อใช้ลงโทษจีนในข้อหาที่เป็นต้นเหตุของการระบาดของไวรัส
· นักวิเคราะห์จาก Phillip Futures ระบุว่าความกังวลว่าสงครามการค้าอาจประทุขึ้นมาอีกครั้ง เป็นปัจจัยที่สนับสนุนทองคำ ซึ่งถ้อยแถลงต่างๆที่มาจากเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐฯดูจะเป็นถ้อยแถลงที่ต่อต้านประเทศจีนทั้งนั้น จึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่สงครามการค้ารอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้น
· ราคาทองคำเมื่อปีก่อนสามารถปรับขึ้นมาได้ถึง 18% จากภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้มีปริมาณอุปสงค์ในทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบการที่เฟดมีการปรับลดดอกเบี้ยอยู่หลายครั้งในปีก่อน
· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำในรอบ 1 เดือน จึงเป็นปัจจัยที่กดดันการฟื้นตัวของราคาทองคำ
· นักวิเคราะห์จาก AxiCorp ระบุว่าความต้องการในค่าเงินดอลลาร์กำลังกดดันความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอื่นๆในช่วงตลาดเอเชียที่ค่อนข้างซบเซาวันนี้
· สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่นักลงทุนกำลังจับตาในสัปดาห์ คือเรื่องของการจ้างงานในเดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีประกาศในวันศุกร์นี้
· นักวิเคราะห์จาก Phillip Futures กล่าวเสริมว่า หากไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆมาจากสหรัฐฯ คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบแบบสะสมพลัง เพื่อรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ หากตัวเลขการจ้างงานออกมาลดลง เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนให้กับทองคำ
· นักวิเคราะห์ระบุว่าการใช้อัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% ของเฟด รวมถึงการที่ธนาคารกลางอื่นๆพยายามใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินในลักษณะเดียวกัน เป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนมีความต้องการถือครองทองคำเพื่อนำมาป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อในอนาคตสูงขึ้น
· อีกปัจจัยที่สะท้อนถึงปริมาณอุปสงค์ในทองคำที่แข็งแกร่งมาจากกองทุน SPDR ที่เพิ่มการถือครองขึ้นอีก 1.1% สู่ระดับ 1,067.90 ตันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
· ด้านราคาพลาเดียมปรับสูงขึ้น 0.9% แถว 1,915.99 เหรียญ ขระที่ราคาแพลทินัมปรับลดลง 0.4% แถว 757.30 เหรียญ และราคาซิลเวอร์ปรับลดลง 0.5% แถว 14.59 เหรียญ
· นักวิเคราะห์จากธนาคาร UBS มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ราคาทองคำจะสามารถปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,800 เหรียญได้ภายในปีนี้ โดยที่ระยะสั้นราคาจะมีเป้าหมายอยู่ที่ระดับ 1,790 เหรียญ ท่ามกลางแรงหนุนหลักที่มาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนาและการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ ทำให้มีปริมาณอุปสงค์ในทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
· Gold Price Analysis: ราคาก่อตัวเป็นลักษณะธงสามเหลี่ยม
บทวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่า ราคาทองคำได้ก่อตัวเป็นลักษณะธงสามเหลี่ยม (Pennant) ในกราฟรายวัน สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเพื่อสะสมพลังก่อนที่จะเกิดการ Breakout ในทางใดทางหนึ่ง
เมื่อดูจากลักษณะธงสามเหลี่ยมในกราฟแล้ว แนวต้านด้านบนจะอยู่ที่ระดับ 1,728 เหรียญ หากราคาสามารถ Breakout ขึ้นได้ไป จะทำให้ทิศทางขาขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันที่ 1 เม.ย. ที่ 1,568 เหรียญดำเนินต่อ และจะเปิดโอกาสให้สามารถขึ้นไปถึงระดับ 1,750 เหรียญได้
ในทางกลับกัน หากราคาย่อตัวต่ำกว่าแนวรับของธง จะทำให้ทิศทางขาขึ้นของราคาจบลง และมีโอกาสย่อตัวลงไปถึงระดับ 1,600 เหรียญ
ขณะที่เส้น RSI ราย 14 สัปดาห์ มีการทำจุดสูงลงต่ำ (Lower highs) หลายจุดด้วยบ่งชี้ถึงแรงซื้อที่อ่อนแอลง ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่ราคาจะย่อตัวหลุดแนวรับของรายวันได้
· Gold Price Analysis: เสี่ยงย่อลงต่อ หากยังต่ำกว่า 1,700 เหรียญ
บทวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่าราคาทองคำในช่วงสายวันนี้ เคลื่อนไหวแถวระดับ 1,698.40 เหรียญ ทำให้ราคา นอกจากจะไม่สามารถข้ามเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 ช.ม. และ 200 ช.ม. ได้แล้ว ยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้นเทรนขาลงระยะ 7 วัน
ดังนั้น ภาพรวมระยะสั้นจึงดูเป็นทิศทางขาลง และมีเป้าหมายแรกที่ระดับ 1,691 เหรียญ ที่เป็นระดับ 61.8% Fibonacci retracement วัดจากระดับสูงสุดของวันที่ 21 – 23 เม.ย. ส่วนแนวรับถัดไปจะอยู่ที่ 1,680 และ 1,670 เหรียญ ที่เป็นระดับต่ำสุดของวันศุกร์
ขณะที่แนวต้านมองไว้ที่ระดับ 1,702 และ 1,708 เหรียญ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 100 และ 200 ช.ม. ตามลำดับ หากยืนเหนือแนวต้านเหล่านี้ได้ก็จะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมาแถว 1,717 เหรียญ และจะทำให้ภาพรวมระยะสั้นกลับมาเป็นขาขึ้น
กรณีที่ราคาระยะสั้นกลับมาเป็นขาขึ้น ตลาดจะจับตาเป้าหมายถัดไปที่ 1,722 และ 1,736 เห