ดาวโจนส์ขยับขึ้นเล็กน้อย เหตุกังวลตึงเครียดเรื่องบริษัท Huawei จะเป็นสาเหตุเหมือนที่ผ่านมา
ดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นหลังจากที่ร่วงลงในช่วงต้นตลาด โดยดาวโจนส์ปิดวันศุกร์ที่ +60.08 จุด หรือคิดเป็น +0.25% ที่ระดับ 23,685.42 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.39% ที่ 2,863.7 จุด และ Nasdaq ปิด +0.79% ที่ 9,014.56 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯคืนวันศุกร์เริ่มต้นวันในแดนลบหลังจากที่ยอดค้าปลีกสหรัฐฯออกมาย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ ประกอบกับรายงานเกี่ยวกับสหรัฐฯที่ออกกฎเกณฑ์เพื่อสกัดการส่งออก Semiconductors ให้แก่บริษัทหัวเวยของจีน ก็ดูจะเป็นการสร้างความกังวลเรื่องความตึงเครียดทางการค้าให้แก่นักลงทุนและตลาดต่างๆ เกี่ยวกับการเผชิญความตึงเครียดทางการค้าเหมือนที่ผ่านมา
นายหู สีจิน บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ Global Times ของรัฐบาลจีน ระบุผ่านทางทวิตเตอร์ว่า จีนจะทำการสอบสวนบริษัทสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงควอลคอมม์, ซิสโก ซิสเต็มส์ และแอปเปิล รวมไปถึงอาจตรวจสอบการเข้าซื้อของสายการบินโบอิ้ง หากสหรัฐยังคงใช้มาตรการกีดกันไม่ให้หัวเวยเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทาน จึงทำให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลง นำโดยควอลคอมม์ที่ร่วงหนักกว่า 5.1% ขณะที่ซิสโกและแอปเปิลร่วงลงน้อยกว่า ที่ 0.6% และ 1% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ล่าสุดได้เพิ่มความกังวลว่าจะเห็นความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนรอบใหม่ หลังจากที่ช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็มีการข่มขู่ไว้ว่าจะตัดสัมพันธ์กับจีนและไม่สนใจที่จะเจรจากับจีนในเวลานี้
· ดัชนีสหรัฐฯฟิวเจอร์สเช้านี้เปิดปรับตัวขึ้น แม้ว่ากลุ่มนักลงทุนที่กังวลต่อถ้อยแถลงของประธษนเฟดที่มีสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจเล็กน้อย โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้เปิด +205 จุด ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ขยับขึ้นประมาณ 0.5% และ 0.3% ตามลำดับ
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ติดตามความพยายามของประเทศแถบยุโรปที่มีการผ่อนคลาย Lockdown และให้เศรษฐกิจกลับมาเปิดทำการได้ โดยดัชนี Stoxx600 ปิด +0.5% ขณะที่หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปิดปรับขึ้นเกือบ 3% แต่ยอดค้าปลีกดูจะอ่อนตัวปิด -0.4%
· หุ้นเอเชียเปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังเฟดมองทิศทางเศรษฐกิจฟื้นตัวได้จำเป็นต้องมีวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา โดยดัชนีนิกเกอิเปิด +0.13% ด้าน Topix เปิด +0.18% และ Kospi ของเกาหลีใต้เปิดลดลงเล็กน้อย
ด้าน S&P/ASX200 เปิด +1.1%
สำหรับดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด +0.08%
· นักบริหารการเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 31.90-32.30 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญในประเทศ ได้แก่ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/63 ผลการประชุมนโยบายการเงินของกนง. และตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนเม.ย.
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 28-29 เม.ย. นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามการรายงานดัชนี PMI เดือนพ.ค.(เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงสัญญาณที่สะท้อนความเสี่ยงของการระบาดรอบสอง หลังการเปิดเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศด้วยเช่นกัน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดทำเว็บไซต์ BOT COVID-19 ขึ้น ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลและมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการของ ธปท.และสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของตนเองออกมาได้อย่างรวดเร็วขึ้น อีกทั้งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหา เปรียบเทียบ และศึกษาเงื่อนไขของมาตรการช่วยเหลือต่างๆ