• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 พฤษภาคม 2563

    18 พฤษภาคม 2563 | SET News
  

· ดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯต่างปรับสูงขึ้นได้ในวันนี้ หลังจากตลาดตอบรับกับถ้อยแถลงของประธานเฟดเมื่อสัปดาห์ก่อน เกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยดัชนีฟิวเจอร์ดาวโจนส์ปรับขึ้นได้ 309 สะท้อนว่าดัชนีดาวโจนส์คืนนี้มีแนวโน้มเปิด +223 จุด ขณะที่ดัชนีฟิวเจอร์ S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็ปรับสูงขึ้นในระดับหนึ่งเช่นกัน

โดยถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ “60 Minutes” กับทางช่อง CBS มีมุมมองที่ค่อนข้างเป็นเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยนาญโพเวลล์ระบุว่า “มีความเชื่อมั่นอย่างมาก” ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ แม้จะไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากยังพัฒนาวัคซีนไม่สำเร็จ

· S&P 500 Technical Analysis: หุ้นสหรัฐฯอาจร่วงต่อ หากดัชนียังเคลื่อนไหวในลักษณะ H&S

บทวิเคราะห์จาก Daily FX ระบุว่าดัชนี S&P 500 ได้ก่อตัวเป็นลักษณะ Bearish Head and Shoulders (H&S) หลังจากที่ดัชนีได้ย่อตัวหลุดแนวรับของเทรนขาขึ้นตั้งแต่ระดับต่ำสุดของช่วงปลายเดือน มี.ค. โดยหากวันนี้ดัชนีปิดต่ำกว่าระดับ 2,726.50 – 2771.00 จุดก็จะเป็นการยืนยันการก่อตัวในลักษณะดังกล่าว

หากยืนยันสัญญาณ H&S ดัชนีจะมีโอกาสย่อตัวลงโดยมีแนวรับที่ 2,603 – 2,623 จุด แต่การดัชนีก่อตัวเป็นลักษณะ H&S สะท้อนถึงแนวโน้มที่ดัชนีจะย่อตัวลงมากกว่าจะฟื้นตัว

หากแนวรับข้างต้นไม่สามารถรองรับได้ ดัชนีจะมีแนวโน้มย่อลงลึกกว่านี้ โดยจะมีแนวรับที่ระดับ 2,316.75 จุดที่เป็นระดับต่ำสุดของ ธ.ค. 2018 และถัดไปที่ระดับ 2,174.00 จุดที่เป็นระดับต่ำสุดของ 23 มี.ค. การที่ดัชนีจะสามารถลบสัญญาณขาลงได้ก็จำเป็นต้องปรับขึ้นเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 3,000 เหรียญเท่านั้น

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังดัชนี S&P 500 futures ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่แตะระดับสูงุสดในรอบ 5 สัปดาห์ เนื่องจากความพยายามของประเทศต่างๆในการที่กลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งทำให้เกิดความหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวจากภาวะซบเซาได้เร็วกว่าที่คาด

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.1%

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ที่เพิ่มมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการ Lockdowns แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนจะกดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนอยู่ก็ตาม

โดยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ลดลงเหลือ 5 ราย ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.5% ที่ระดับ 20,133.73 จุด

· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางความหวังของเหล่านักลงทุนที่ว่าราคาบ้านประจำเดือนเม.ย.เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประเด็นความตึงเครียดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งความเสี่ยงจาก Second Wave ของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนายังคงกดดันการเพิ่มขึ้นของดัชนีอยู่

โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.24% ที่ระดับ 2,875.42 จุด

· ตลาดหุ้นยุโรปเปิดปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการ Lockdowns ทั่วโลก

โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 1.8% ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากรเพิ่มขึ้น 3.3% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก

อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,031 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 56 ราย รักษาหายเพิ่ม 1 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 2,857 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 118 ราย

อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไตรมาสที่ 1/2563 ลดลง -1.8% เทียบกับการขยายตัว 1.5% ในไตรมาสที่ 4/62 จากตลาดคาด -4.5% ถึง -3.8% ด้านการใช้จ่ายการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวชะลอลง การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาครัฐและเอกชนปรับตัวลดลง และการส่งออกรวมปรับตัวลดลงตามการส่งออกบริการที่ปรับตัวลดลงมาก ในขณะที่การส่งออกสินค้าขยายตัว

ด้านการผลิต การผลิตสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาอุตสาหกรรม สาขาเกษตรกรรม สาขาการขนส่ง และสาขาก่อสร้างปรับตัวลดลง ขณะที่การผลิตสาขาการขายส่งและการขายปลีก สาขาการผลิตสาขาไฟฟ้า และก๊าซ สาขาการเงินและการประกันภัย และสาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารขยายตัว เมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2563 ลดลง 2.2% จากไตรมาส 4/62 (QoQ_SA)

- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (18-22 พ.ค.) ที่ 31.90-32.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญในประเทศ ได้แก่ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/63 ผลการประชุมนโยบายการเงินของกนง. และตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนเม.ย.

-รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้เตรียมแผนฟื้นฟู การท่องเที่ยวร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) รองรับเมื่อสถานการณ์การโรคโควิด-19 คลี่คลายลงแล้ว เพื่อฟื้นฟูภาคการ ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสให้กลับมาสร้างรายได้ ช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว โดยการท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง มีแผนการฟื้นฟูที่จะรองรับการใช้ชีวิตตามวิถีใหม่ หรือ New normal ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับ สุขภาพความสะอาด และความปลอดภัยเป็นหลัก พร้อมนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในหลายๆด้าน

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com