• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2563

    22 พฤษภาคม 2563 | Economic News
   

· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากความกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ดูจะช่วยหนุนความต้องการดอลลาร์ในฐานะ Safe Haven

ความตึงเครียดทางการเมืองครั้งใหม่เพิ่มขึ้น และเข้ากดดันค่าเงินหยวน โดยหยวนอ่อนค่าไปมากสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง แต่เงินหยวนก็มีแรงหนุนหลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลารงจีนเผยถึงมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจฉบับใหม่ตามคาด โดยเงินหยวนอ่อนค่าไปทำต่ำสุดตั้งแต่ 2 เม.ย. ที่ 7.1210 หยวน/ดอลลาร์

ด้านเงินฮ่องกงร่วงลงเกือบช่วงปิดตลาดในกรอบเดียวกันที่
โดยเงินฮ่องกงเคลื่อนไหวปิดตลาดกรอบแคบที่ 7.75 - 7.85 ฮ่องกงดอลลาร์

ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นแตะ 107.46 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางค่าเงินเยนที่แข็งค่ามาแล้วกว่า 0.6%เมื่อเท่ียบกับค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์

· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงมาแถว 0.6428% จากความกังวลครั้งใหม่ในเรื่องความไม่มีเสีถยรภาพของฮ๋องกง และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ-จีน ประกอบกับการที่จีนจะไม่กำหนดกรอบการขยายตัวในปีนี้

นอกจากนี้ คืนนี้จะไม่มีการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญใดๆ หรือแม้แต่ถ้อยแถลงจากผู้นำทางการเงิน ดังนั้น จึงอาจเห็นตลาดเคลื่อนไหนวในกรอบต่อไปในช่วงวันหยุด เนื่องจากวันจันทร์หน้าก็จะเป็นวันหยุด Memorial Day ด้วยเช่นกัน

· จีนตัดสินใจที่จะไม่ทำการกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของผลกระทบจากการระบาดของไวัสโคโรนา

นายหลี่ เคอะเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า อาจไม่ทำการกำหนดกรอบเป้าหมายทางเศรษฐกิจปีนี้ เนื่องด้วยประเทศจีนจะเผชิญกับปัจจัยบางประการที่ยากต่อการคาดเดาความคืบหน้าในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนาเวลานี้ รวมทั้งเศรษฐกิจระดับโลกและสภาวะทางการค้า

และในการประชุมรัฐสภาจีนประจำปีมีการถูกเลื่อนออกไปก่อนประมาณ 2 เดือนในปีนี้ จากการระบาดที่เกิดขึ้น และผลที่ตามมาส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์คาดว่านายกฯจีนจะออกมากำหนดกรอบจีดีพีในช่วงที่เหลือของปี ขณะที่จีดีพีปีนี้ขยายตัวได้แล้วประมาณ 6.1% ภายใต้กรอบ 6 - 6.5%

· ผู้เชี่ยวชาญ ชี้ ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีนมีแนวโน้มจะออกมาย่ำแย่ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯพ.ย.นี้

บรรดาผู้เชี่ยวชาญ มองว่า ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนมีแนวโน้มจะย่ำแย่ลงอย่างมากก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพ.ย.นี้

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตำหนิจีนที่ปราศจากความโปร่งใสในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งจีนถือเป็นที่แห่งแรกที่พบผู้ติดเชื้อ ขณะที่จีนพุ่งเป้าว่าสหรัฐฯอาจเป็นต้นกำเนิดการระบาดทั่วโลกที่แท้จริง

อย่างไรก็ดี ในการหาเสียงเลือกตั้งสมัยที่ 2 ของประธานาธิบดีสหรัฐฯก็อาจเป็นวาระสุดท้ายของทีมบริหารของทรัมป์ในครั้งนี้ได้ เนื่องจากนายทรัมป์ไม่ได้ระบุถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้แก่ชาวสหรัฐฯ, บริษัทสหรํฐฯ หรือสิิ่งอื่นใด แต่ดูจะมุ่งเป้าไปยังประเด็นการเมืองและข้อขัดแย้งทางการค้าเป็นประเด็นสำคัญ

· จีนจะทำการร่างแผนความมั่นคงทางด้านอาหารท่ามกลางการเกิดไวรัสโคโรนา ซึ่งจะเป็นแผนใหม่ในช่วงระยะกลาง - ระยะยาว เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาดูจะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานด้านการเกษตรทั่วโลก และคุกคามให้อาจเกิดปัญหาวิกฤตด้านอาหารได้

· รายงานจาก Reuters ระุบว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นประจำเดือนเม.ย.มีแนวโน้มปรับลดลงอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบหลายปี จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิ

โดยอุปสงค์จากต่างประเทศและในประเทศสำหรับสินค้าญี่ปุ่นได้ทรุดตัวลง ท่ามกลางการมาตรการ Lockdowns และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน จึง

เพิ่มมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในไตรมาสปัจจุบัน

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนเม.ย. คาดว่าจะลดลง 5.1% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่มีการเปรียบเทียบข้อมูลในปี 2013

ขณะที่ยอดค้าปลีกประจำเดือนเม.ย.มีแนวโน้มลดลง 11.5% จากปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราการลดลงที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ปี 1998 ที่ผ่านมา

· เมื่อวานนี้ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครต เผยจะทำการแนะนำกฎหมายในการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนในการละเมิดความเป็นอิสระของฮ่องกง โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกนำเสนอโดย นายแพท ทูมเมย์ เจ้าหน้าที่วุฒิสภาพรรครีพับลิกัน และนายแวน ฮอลแลน สมาชิกจากพรรเดโมแครต ที่จะมีการกำหนดบทลงโทษขั้นที่ 2 เกี่ยวกับภาคธนาคารที่ทำธุรกิจกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิของฮ่องกง

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายที่ดำเนินการจากทั้ง 2 พรรคนี้จะกำหนดบทลงโทษอย่างรุนแรงสำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิของฮ่องกง

อย่างไรก็ดี สมาชิกของสภาคองเกรสจากทั้งสองฝ่ายได้รับเสียงที่ต่อต้านมากขึ้นในประเทศจีน ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการสาดโคลนทางการคำพูดเรื่องความรับผิดชอบต่อการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโคโรนา

· จีนจะยังคงให้ความสนใจเกี่ยวกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะไม่มีการกำหนดกรอบเป้าหมาการเติบโตในปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการระบาดของไวรัสโคโรนา

หนึ่งในผู้เขียนข่าวรัฐบาลจีน ระบุสั้นๆว่า จีนจะยังไม่กำหนดเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ ก็เนื่องจากรัฐบาลยังไม่อาจคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจได้จากความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจก็ยังถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะรับประกันได้ถึงภาวะการจ้างงานและเป้าหมายการบรรเทาความเดือดร้อนของคนยากจน

· รัฐบาลนิวซีแลนด์ กำลัพิจารณาเรื่องการอัดฉีดเงินโดยตรงให้แก่กลุ่มนิติบุคคลตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในการสนับสนุนการเติบโต หลังเผชิญกับภาวะหดตัวจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

และนโยบายดังกล่าวจะต้องเป็นการสร้างความมั่นใจว่านโยบายทางการเงินยังคงเป็นบทบาทสำคัญของภาครัฐ

ซึ่งแนวความคิดเรื่อง "Helicopter Money" หรือการอัดฉีดเม็ดเงินขนานใหญ่เกินคาดเพื่อช่วยบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หลังการระบาดของไวรัสโคโรนาดูจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีสภาวะการเติบโตที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ที่เคยเกิดยุคถดถอยเมื่อปี 1930

· ผู้นำวุฒิสภาสหรัฐฯขู่จะทำการทบทวนความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน

นายมิทช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันขู่จะทำการทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน หากจีนยังคงดำเนินการสนับสนุนบทลงโทษขั้นุรนแรงต่อฮ่องกงเกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในการเป็นอดีตอาณานิคมของอังฟษ

ทั้งนี้ เขาระบุว่า ในการประชุมจะเป็นการนสนับสนุนบทลงโทษจากทางจีนนั้นจะให้ความสนใจต่อการทบทวนความสำเร็จทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเป็นสำคัญ

· รายงานจากกระทรวงการคลังเยอรมนี กล่าวว่า ภาษีรายได้ของรัฐบาลเยอรมนีและ 16 รัฐในประเทศเยอรมนีปรับตัวลดลง 23.5% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะ 3.9 หมื่นล้านยูโร หรือ 4.3 ล้านล้านเหรียญในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนา

เยอรมนีซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจใหญ่ที่สุดของยุโณปกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยครั้งใหญ่นับตั้งแต่ที่เคยเกิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่ามกลางมาตรการต่างๆที่มีขึ้นเพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนา

สำหรับสัญญาณชี้นำสะท้อนถึงสถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะสร้างความยากลำบากในเดือนหน้า ขณะที่รายได้ที่ปรับตัวลดลงมาจากทั้งรายได้ส่วนบุคคล, ภาคบริษัท, ภาษีการบิน และสะท้อนว่าภาษีเงินได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาที่เกิดในเดือนมี.ค. ส่งผลอย่างรวดเร็ว

· นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ประชาชนลุกต่อต้านแผนของจีนที่จะบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง

ทั้งนี้ กฎหมายที่นำเสนออาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ความสัมพันธ์ได้คลี่คลายไปแล้วสำหรับข้อพิพาททางการค้าและข้อกล่าวหาในเรื่องโรคระบาดใหญ่ ประธานาธิบดีสหรัฐฯโดนัลด์ทรัมป์เตือนว่าสหรัฐจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากจีนเดินหน้าด้วยกฎหมายความมั่นคง

กฎหมายที่เสนอสำหรับฮ่องกง กำหนดให้เขตพื้นที่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับย่อซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานตามร่างของ Reuters เอกสารดังกล่าวกล่าวว่ากฎหมายจะแก้ไขปัญหาการแบ่งแยก การโค่นล้มและการก่อการร้ายรวมทั้งการแทรกแซงจากต่างประเทศ เพื่อปกป้องความมั่นคงแห่งชาติร่างดังกล่าวนักการทูตต่างประเทศกำลังเกรงว่าคำแถลงดังกล่าวจะและขยายการมีอยู่ของบริการด้านความมั่นคงและข่าวกรองในฮ่องกง

ซึ่งขณะนี้พวกเขาไม่สามารถดำเนินการบังคับใช้ในเมือง

ความพยายามก่อนหน้านี้ที่จะนำกฎหมายที่คล้ายกันมาใช้ในปี 2003 ได้พบกับการประท้วงที่ดึงผู้คนราวครึ่งล้านคนมาเข้าร่วม

นักเคลื่อนไหวและนักการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตยโต้แย้งว่าพวกเขาสามารถลบล้างความเป็นอิสระในระดับสูงของเมืองได้ภายใต้ข้อตกลงส่งมอบ "หนึ่งประเทศสองระบบ" ซึ่งจีนกล่าวว่ามันล้มเหลว

· ราคาน้ำมันดิบร่วงลง หลังจากที่การประชุมรัฐสภา NPC ของจีนได้ระงับการกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของจีดีพี ปี 2020 และยืนยันที่จะเพิ่มการใช้จ่ายและการปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความกังวลที่เกิดขึ้นใหม่จากการระบาดของไวรัสโคโคนา ทำให้ความต้องการเชื้อเพลิงในผู้ใช้น้ำมันลดลง

พร้อมทั้งวางแผนออกพันธบัตรรัฐบาลสกุลเงินหยวนวงเงิน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.41 แสนล้านเหรียญ) เพื่อระดมทุนสำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 4.3% ที่ระดับ 34.50 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 5.3% ที่ระดับ 32.13 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com