• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 25 พฤษภาคม 2563

    25 พฤษภาคม 2563 | Economic News
 

·       ค่าเงินแข็งค่าในวันนี้ ท่ามกลางตลาดที่มีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนจากกรณีความเป็นเสรีภาพของฮ่องกง ทำให้ตลาดมีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยสูงขึ้น

โดยค่าเงินหยวนและดอลลาร์ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์อ่อนค่าลง เนื่องจากตลาดที่ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลง

ค่าเงินปอนด์ยังคงเผชิญแรงกดดันหลังจากเจ้าหน้าที่คนสำคัญของทีมบริหารของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เสนอให้ปลดที่ปรึกษารายหนึ่งออกจากตำแหน่งหลังมีการระเมิดข้อกำหนดด้านการท่องเที่ยวระหว่างที่ประเทศยังอยู่ภายใต้กฏหมาย Lockdown

 

·       ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรแถว 1.0887 ดอลลาร์/ยูโร ใกล้ระดับแข็งค่าที่สุดในรอบสัปดาห์

ส่วนค่าเงินสวิสฟรังก์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แถว 0.9729 ดอลลาร์ ใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบสัปดาห์เช่นกัน

ขณะที่ค่าเงินเยนค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์แถว 107.72 เยน/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินหยวนในประเทศอ่อนค่าเล็กน้อยแถว 7.1422 หยวน/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบกว่า 7 เดือน

สำหรับค่าเงินปอนด์ค่อนข้างทรงตัวแถว 1.2175 ดอลลาร์/ปอนด์

 

·       การซื้อขายในวันนี้น่าจะเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดสิงคโปร์ อังกฤษ และสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันหยุดประจำชาติ

 

·       EUR/USD Forecast: คาดยูโรยังคงถูกกดดันจากภาวะ Risk-off



บทวิเคราะห์ค่าเงินยูโรทางเทคนิคจาก FX Street ประเมินว่าค่าเงินยูโรกำลังเคลื่อนไหวในลักษณะ Neutral-to-bearish ในกราฟรายวัน หลังจากที่ค่าเงินทดสอบไม่ผ่านแนวต้านที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 SMA และกำลังเคลื่อนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 SMA ที่กำลังเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทางขึ้นมาเล็กน้อย เครื่องมือวัดทิศทางของค่าเงิน (Momentum) ก็ยังคงทรงตัวแถวระดับ 100 จุด ขณะที่ RSI เริ่มกลับเคลื่อนไหวในขาลงแถวระดับ 51 จุด สำหรับในกราฟราย 4 ช.ม. ค่าเงินมีแนวโน้มที่จะย่อตัวลง เนื่องจาก ค่าเงินอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 20 SMA ที่กำลังเคลื่อนไหวในขาลง เครื่องมือวัดทิศทางก็ยังคงสะท้อนถึงขาลง ส่วน RSI เริ่มทรงตัวแถว 45 จุด หากค่าเงินหลุดต่ำกว่าแนวรับที่ 1.0884 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวันศุกร์ ค่าเงินจะมีโอกาสย่อตัวลงลึก

แนวรับ: 1.0885  1.0850 1.0810

แนวต้าน: 1.0930 1.0975 1.1010

 

·       จีนเตือน จะตอบโต้หากสหรัฐฯยังก้าวก่ายกับฮ่องกง

รัฐบาลจีนเตือน จะมีมาตรการตอบโต้หากสหรัฐฯยังคงเข้ามาก้าวก่ายกับประเด็นในฮ่องกง ซึ่งเป็นคำเตือนที่เกิดขึ้นหลังจากทางสหรัฐฯส่งสัญญาณจะคว่ำบาตรจีนเพิ่ม หากจีนเดินทางบังคับใช้กฏหมายความมั่นคงระหว่างประเทศกับฮ่องกง


·       รายงาน Reuters ระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะยกเลิกภาวะฉุกเฉินสำหรับเมืองโตเกียวและพื้นที่อื่นๆที่ยังใช้มาตรการดังกล่าวในเร็วๆนี้ ขณะที่ Nikkei รายงานว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงเงินเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

 

·       การถดถอยลงของเม็ดเงินลงทุน การบริโภคของภาคเอกชน และการส่งออก ได้กดดันให้เศรษฐกิจเยอรมนีเข้าสู่ถดถอยในไตรมาสที่ 1/2020  ตามข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เปิดเผยออกมาในวันนี้ ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตไวรัสโคโรนา

โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติของรัฐบาลเยอรมนี เผยเม็ดเงินลงทุนในประเทศได้ปรับลดลงไป 6.9% ขณะที่การบริโภคของภาคเอกชนหดตัว 3.2% และการส่งออกลดลง 3.1% ในช่วงไตรมาสที่ 1/2020 เทียบกับไตรมาสที่ 4/2019

ซึ่งหมายความว่าการบริโภคของภาคเอกชนที่หดตัวลง ได้ทำให้ภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลดน้อยลงไป 1.7%  ขณะที่ยอดการซื้อขายสุทธิหดตัวลงไป 0.8% เท่ากับว่าเศรษฐกิจในไตรมาสแรกชะลอการเติบโตลง 2.2% ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2009

 

·       บริษัทไอทียักษ์ใหญ่อาจต้องจ่ายภาษีในยุโรปมากขึ้นท่ามกลางวิกฤตไวรัส

ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 รายได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่าบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google, Facebook, หรือ Amazon อาจเผชิญกับการจ่ายภาษีที่สูงขึ้นในยุโรป เพื่อให้รัฐบาลยุโรปนำไปเป็นงบประมาณรับมือวิกฤตไวรัสโคโรนา

โดยประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นที่ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ภายในรัฐสภาของยุโรป หลังจากการเจรจาหาข้อตกลงเกี่ยวกับการจ่ายภาษีดิจิทัลล้มเหลวไปในปี 2019 ส่งผลให้บางประเทศ เช่นฝรั่งเศส ตัดสินใจออกมาตรการภาษีดิจิทัลด้วยตัวเอง ทำให้เกิดเป็นประเด็นขัดแย้งกับทางสหรัฐฯ

 

·       ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นในวันนี้ หลังจากปรับลดลงในช่วงต้นตลาด ท่ามกลางการที่หลายๆประเทศเริ่มคลายมาตรการ Lockdown รวมถึงออกมาตรการต่างๆเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตไวรัสโคโรนา จึงหนุนความหวังของตลาดว่าจะเห็นปริมาณอุปสงค์ในพลังงานฟื้นตัวสูงขึ้นได้

เนื่องจากตลาดสิงคโปร์ อังกฤษ และสหรัฐฯปิดทำการเนื่องในวันหยุดประจำชาติในวันนี้ การซื้อขายจึงเป็นไปอย่างเบาบาง โดยราคาสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 0.06 เหรียญ หรือ 0.2% แถว 35.19 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 0.27 เหรียญ หรือ 0.82% แถว 33.52 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งสองสัญญาน้ำมันสามารถปรับขึ้นมาได้ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 แต่ภาพรวมรายปีก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ

 

·       WTI Price Analysis: ฟื้นตัวขึ้นมาแถว 33.00 เหรียญ แต่ยังคงต่ำกว่าแนวต้านสำคัญ


บทวิเคราะห์ราคาน้ำมันดิบ WTI จาก FX Street ระบุว่าราคาน้ำมันได้ย่อตัวลงมาแถว 33.05 เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็นลดลง 1.86% ในภาพรวมรายวันนี้

โดยถึงแม้ราคาน้ำมันจะสามารถปรับขึ้นได้ในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานนัก แต่ราคายังคงต่ำกว่าแนวต้านที่เป็นเส้นเทรนขาขึ้นระยะสั้นจากวันที่ 14 พ.ค. ที่ระดับ 35.25 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นแนวต้านที่จำกัดทิศทางขาขึ้นของราคา

สำหรับแนวต้านแรกที่ราคาเผชิญในวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 33.72 เหรียญ/บาร์เรล หากสามารถผ่านแนวต้านนี้มาได้ ก็มีโอกาสขึ้นต่อไปยังระดับ 34.74 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดรายเดือน

ในทางกลับกัน ราคาจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 31.77 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นแนวรับของเส้นเทรนขาขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. ถัดมาที่ระดับ 30.75 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นอีกเส้นเทรนขาขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.

กรณีที่ราคาหลุดแนวรับเหล่านี้ลงมา ก็จะมีโอกาสลงต่อไปยังระดับ 30.75 และ 30.00 เหรียญ/บาร์เรล ตามลำดับ ซึ่งน่าจะรองรับราคาไม่ให้ร่วงลงไปจนถึงระดับ 24.77 เหรียญ/บาร์เรลที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 200-bar SMA ได้


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com