· ดาวโจนส์ปรับขึ้นกว่า 500 จุด ขานรับคืบหน้าวัคซีน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นท่ามกลางมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับความคืบหน้าของวัคซีน และการกลับมาเปิดทำการของภาคธุรกิจ แต่ถึงแม้ดัชนี S&P500 จะฝ่า 3,000 จุดที่เป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยาไปได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ 5 มี.ค. แต่ช่วงปลายตลาดก็ถูกกดดันให้ปิดปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับสำคัญดังกล่าว
โดยในช่วงปลายตลาด ข่าวที่กดดันหุ้นสหรัฐฯ คือรายงานของ Bloomberg News ที่ระบุว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์กำลังพิจารณาการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน, ภาคธุรกิจ และสถาบันการเงินเพิ่ม เนื่องจากนายทรัมป์ ไม่พอใจต่อเรื่องไวรัสโคโรนา ขณะที่เรื่องข้อตกลงการค้าก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป
ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 529.95 จุด หรือคิดเป็น +2.17% ที่ 24,995.11 จุด ด้าน S&P500 ปิด +1.23% ที่ 2,991.77 จุด ทางด้าน Nasdaq ปิด +0.17% ที่ 9,340.22 จุด
· ดัชนีสหรัฐฯฟิวเจอร์สเช้านี้เปิดทรงตัว ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กำลังพิจารณามุมมองเชิงบวกของการกลับมาเปิดทำการและความเป็นไปได้ในเรื่องของวัคซีน ควบคู่กับความกังวลเรื่องตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้เปิดอ่อนตัวลงไปประมาณ 20 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นวันนี้ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจและความหวังต่อวัคซีนเช่นกัน โดย Stoxx 600 ปิด +1% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวและการพักผ่อนที่ปิด +6.8%
· ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลดลงท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่กังวลต่อความตึงเครียดที่อาจเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีนในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเริ่มกลับมาเปิดทำการ โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.35% ด้าน Topix เปิด -0.16% และ Kospiเปิด -0.29%
ด้านดัชนี S&P/ASX200 เปิด -1.02%
ภาพรวมดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด -0.21%
ความคืบหน้าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะเป็นประเด็นที่หลายๆฝ่ายให้ความสำคัญและจับตาดูหลังมีรายงานว่าสหรัฐฯกำลังพิจารณาการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่และบริษัทต่างๆของจีนจากกรณีฮ่องกงในเวลานี้ ซึ่งนายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็มีการกล่าวถึงการจะทำการประกาศเกี่ยวกับการตอบโต้การดำเนินการของจีนในช่วงปลายสัปดาห์นี้
· นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80 - 32.00 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะตลาดยังขาดปัจจัยสำคัญ โดยแม้ว่าครม.จะมีมติอนุมัติให้ขยายเวลาบังคับ ใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือนก็ตาม แต่ตลาดรับข่าวนี้มาหลายวันแล้ว จึงไม่ได้ส่งผลกับค่าเงินมากนัก ซึ่งการเคลื่อนไหวของค่าเงินเป็นไปตามแรงซื้อขายตามปกติ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน ถึงวันที่ 30 มิ.ย.63 ตามการเสนอของศบค.โดยนายกรัฐมนตรียืนยันว่าเป็นการพิจารณาโดยยึดความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก มิใช่เพื่อประเด็นทางการเมืองแต่อย่างใด และมีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ.2564 และเห็นชอบข้อเสนอในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยให้สำนักงบประมาณไปดำเนินการจัดพิมพ์ร่างและเอกสารประกอบงบประมาณ เพื่อนำกลับมาเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบอีกครั้งในวันที่ 16 มิ.ย.นี้และหลังจากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วาระแรก ในวันที่ 24-25 มิ.ย.ต่อไป
- ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะอภิปรายในพ.ร.ก. กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท ที่จะมีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค.นี้
- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการใช้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทในแต่ละโครงการจะมีการกำหนดแผนงานอย่างชัดเจน มีคณะกรรมการกลั่นกรอง และมีระบบตรวจสอบหลายส่วน โดยรัฐบาลจะนำรายละเอียดของทุกโครงการเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมตรวจสอบ และย้ำว่ารัฐบาลจะใช้เงินกู้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมมากที่สุด