· ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯจะตอบโต้จีนกรณีกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง ที่ดูจะสนับสนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย รวมทั้งดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยด้วย ด้านหยวนอ่อนค่าทำต่ำสุดในรอบกว่า 8 เดือน หลังมีรายงานว่าจีนมีแผนจะขยายกรอบกฎหมายความมั่นคง ที่ดูจะยิ่งสร้างความกังวลให้แก่ประชาชนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางของฮ่องกง
ด้านยูโรทรงตัวในทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และเงินปอนด์ แต่ก็ยังคงมีหลายบททดสอบให้ต้องเผชิญ เมื่อคณะกรรมาธฺการยุโรปถูกคดาว่าจะเผยรายละเอียดกองทุนการช่วยเหลือทางการเงินในช่วงค่ำวันนี้ และตลาดการเงินจับตาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
นักลงทุนบางส่วนกำลังถกเถียงกันเรื่องการกลับมาเปิดกิจกรรมภาคธุรกิจว่าจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เพียงใด ท่ามกลางสหรัฐฯที่ข่มขู่จะทำการคว่ำบาตรจีนเพิ่มต่อกรณีฮ่องกง และนั่นดูจะทำให้ความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงอ่อนแออีกครั้ง
ค่าเงินปอนด์อ่อนค่ามาแตะ 1.2322 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่ามาแถว 1.0961 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนทรงตัวกรอบแคบๆแนว 107.49 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่หยวนเองก็อ่อนค่าไปทำต่ำสุดตั้งแต่ก.ย. ปี 2019 แถวระดับ 7.1591 หยวน/ดอลลาร์
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลดลงในวันนี้ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับกรณีฮ่องกงจะฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงกลับมาเปิดทำการได้ใหม่ และข่าวการมีวัคซีน
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับลงแตะ 0.6900% ด้านผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับลงแถว 1.4379%
· กลุ่มผู้ผลิตยาและร้านขายยากังวลต่อการมาของ Second Wave คู่กับการระบาดของไข้หวัดใหญ่
กลุ่มร้านขายยาในสหรัฐอเมริกากำลังเตรียมผลักดันครั้งใหญ่สำหรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มักเกิดขึ้นในช่วงเดือนต.ค. และหวังว่าจะสามารถช่วยจำกัดจำนวนประชาชนนับหมื่นรายในช่วงที่อาจกลับมาเกิดภาวะการระบาดระลอกที่ 2 ได้
CVS Health Corp (CVS.N) เป็นหนึ่งในร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่ากำลังดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่ามีวัคซีนเพียงพอสำหรับทุกคนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
ขณะที่ผู้ผลิตยาหลายเจ้ากำลังเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นตามความต้องการ ซึ่งทำให้หุ้นร้านขายยามีการเพิ่มขึ้นในตลาดซื้อขายวานนี้ โดยหุ้นบริษัท CVS เพิ่มขึ้น 2.5% และ Rite Aid และ Walgreens เพิ่มขึ้น 4.5%
ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้วคนอเมริกันน้อยกว่าครึ่งจะเป็นผู้ได้รับการฉีดวัคซีน ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวว่าการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จะมีความสำคัญต่อการช่วยป้องกันโรงพยาบาลจากกลุ่มผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และผู้ป่วย COVID-19 ซึ่งในปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตถึง 62,000 ราย ปัญหาใหญ่คือคนอเมริกันไม่อยากที่จะมาฉีดวัคซีนเพราะเกรงว่าจะติดเชื้อ COVID-19 จากการมาโรงพยาบาล ดังนั้น แพทย์ของสหรัฐอเมริกาบางคนจึงกำลังพิจารณาคลินิกในสวนสาธารณะ รถฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ ศูนย์ชุมชนและแม้แต่การเยี่ยมบ้านผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง
ดร.วิลเลียม ชัฟฟ์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อจาก Vanderbilt University Medical Center เตือนถึงการอาจเห็นจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว อันเนื่องจากไวรัสโคโรนา และโรคไข้หวัดใหญ่ได้
· อียูจะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ และอาจส่งผลต่อตลาดได้
คณะกรรมาธิการอียูจะทำการเผยแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ และคาดว่าอาจเป็นผลดีที่ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหวทั่วทุกตลาดยุโรป
· INSEE เศรษฐกิจฝรั่งเศสอาจหดตัวมากถึง 20% ในไตรมาสที่ 2
สถาบันสถิติแห่งชาติหรือ INSEE ของฝรั่งเศส เผยว่า เศรษฐกิจฝรั่งเศสมีแนวโน้มจะหดตัวมากถึง -20% ในช่วงไตรมาสที่ 2/2020 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ จากการ Lockdown จำกัดการะบาดของไวรัสโคโรนา
ทั้งนี้ เศรษฐกิจฝรั่งเศสอาจเข้าสู่ภาวะหดตัวขั้นร้ายแรงหลังจากที่จีดีพีดิ่งไปกว่า -5.8% ในช่วงไตรมาสแรก
นอกจากนี้ เศรษฐกิจฝรั่งเศสอาจหดตัวไปอีก 8% จากภาพรวมทั้งหมดในปี 2020 ดูยังไม่มีแนวโน้มที่การขยายตัวจะกลับมาได้ก่อนช่วงเกิดวิกฤตภายในก.ค.
INSEE ยังคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะยังอยู่ต่ำกว่าปกติหลังจากที่เกิด Lockdown ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมี.ค. และเริ่มที่จะผ่อนคลายเมื่อ 11 พ.ค. โดยจะเห็นได้ว่าในช่วงต้นพ.ค. กิจกรรมทางเศรษฐกิจร่วงลงไปแล้ว 33%
ด้านค่าใช้จ่ายกลุ่มผู้บริโภคขยับเพียง 6% เท่านั้นและถือว่าต่ำกว่าระดับปกติอย่างมากนับตั้งแต่ที่ร้านค้าส่วนใหญ่ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังจากที่ถูกสั่งปิดชั่วคราวเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน
· สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี (Ifo) เผยผลสำรวจที่สะท้อนว่า กลุ่มบริษัทสัญชาติเยอรมนีมีการคาดจำนวนการจ้างงานจะยังหดตัวลงอย่างต่อเนื่องแม้จะเห็นแนวโน้มของการจ้างงานค่อยๆฟื้นตัวในเดือนพ.ค. หลังจากที่หดตัวลงไปในเดือนก่อนหน้า อันเป็นผลจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
ทั้งนี้ สถาบันฯ ประเมินว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นมาแถว 88.3 จุด จากเดิมในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 86.3 จุด โดยได้รับอานิสงส์จากความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มภาคบริการและการค้า ขณะที่ภาคการผลิตยังคงมีจำนวนการจ้างงานที่ลดลง
ประธานฝ่ายบอร์ดบริหารของ ECB เผยว่า การที่ศาลเยอรมนีมีคำพิพากษาต่อการดำเนินนโยบายการเข้าซื้อพันธบัตรของอีซีบีนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบในทางตรงใดๆแก่อีซีบี และอีซีบีก็จะไม่ยอมให้ธนาคารกลางเยอรมนี หรือ Bundesbankก้าวออกจากการดำเนินนโยบายด้วยเช่นกัน
· ผลประกอบการบริษัทภาคอุตสาหกรรมในจีนปรับตัวลดลงในเดือนเม.ย. แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวในกลุ่มรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ แต่ความเสียหายจากวิกฤตไวรัสโคโรนาก็ยังเป็นตัวที่สร้างแรงกดดันให้แก่ภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจโดยองค์รวมเกือบทั้งปีนี้
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติจีน เผย ผลประกอบการกลุ่มบริษัทข้างต้นปรับตัวลดลงมาที่ 4.3% เมื่อเทียบรายปี แตะ 4.781 แสนล้านหยวน (6.7 หมื่นล้านเหรียญ) ในเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ร่วงลงไป 34.9% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ สัญญาณทางเศรษฐกิจของจีนดูจะมีการฟื้นตัวขึ้นได้จากการเปิดทำการหลังจากที่ถูกปิดชั่วคราวเป็นเวลาหลายสัปดาห์จากมาตรการต่างๆที่ไว้จำกัดการระบาดของภาครัฐ แต่การระบาดนั้นก็ได้ทำให้ภาพรวมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 1/2020 ค่อนข้างหดตัวเป็นประวัติการณ์
ผลประกอบการบริษัทภาคอุตสาหกรรมร่วงลงไป 27.4% เมื่อเทียบรายปี แตะ 1.26 ล้านล้านหยวน หรือเมื่อเทียบกับการชะลอตัวที่ 36.7% ในช่วง 3 เดือนแรก
อย่างไรก็ดี ภาพรวมผลประกอบการต่างๆก็ดูจะยังไม่สดใส ควบคู่กับอุปสงค์ที่ยังไม่ฟื้นตัว และราคายังเคลื่อนไหวระดับต่ำ รวมทั้งมีแรงกดดันราคาที่ยังอยู่ในระดับสูง ในส่วนของกิจกรรมการค้าก็ยังคงอ่อนแอไม่ว่าจะเป็นในประเทศจีนเองหรือแม้แต่เศรษฐกิจโลก
· สำนักข่าวรอยเตอร์ส เผยถึงแผนที่ รัฐบาลญี่ปุ่นจะทำการรวมงบประมาณฉบับพิเศษที่สองมูลค่า 117.1 ล้านล้านเยน (1.1 ล้านล้านเหรียญ) สำหรับการบรรเทาพิษเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยร่างงบประมาณดังกล่าวอาจแล้วเสร็จในช่วงค่ำวันนี้ ประกอบด้วยการเพิ่มงบประมาณโดยตรงอีก 72.7 ล้านล้านเยน
ขณะที่การรวมงบประมาณพิเศษฉบับแรก ถือเป็นการขยายมาตรการในการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสที่อาจทำให้ยอดโดยรวมออกมาที่ 233.9 ล้านล้านเยน
· ตำรวจฮ่องกงยิงกระสุนพริกไทยเพื่อสลายการชุมนุมจากเรื่องกฎหมายความมั่นคง
ตำรวจปราบจลาจลในฮ่องกงยิงกระสุนพริกไทยเพื่อแยกย้ายผู้ชุมนุมในใจกลางของศูนย์กลางการเงินโลก เนื่องจากกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่เสนอโดยจีนฟื้นฟูการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ทางตำรวจยังล้อมสภานิติบัญญัติที่มีการถกเถียงกันเรื่องร่างกฎหมาย เนื่องจากจะทำให้เกิดการดูหมิ่นเพลงชาติของจีน ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นต่อการคุกคามต่อเสรีภาพของเมืองกึ่งอิสระ
· IEA เผย วิกฤตจากไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านพลังงานทั่วโลกที่ลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศของสหรัฐฯหรือ IEA เชื่อว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาก่อให้การลงทุนด้านพลังงานทั่วโลกปรับตัวลดลงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจของในแง่วิกฤตสาธารณสุขที่อาจมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงด้านพลังงานและการเปลี่ยนพลังงานสะอาด
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลดลงจากความกังวลเรื่องการฟื้นตัวของอุปสงค์ว่าจะเป็นไปรวดเร็วเพียงใด แม้ว่าจะมีการผ่อนคลาย Lockdown ในหลายๆประเทศก็ตามที ประกอบกับตลาดยังคงมีความกังวลทางการค้ากับทางสหรัฐฯและจีนที่ดูจะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดเป็นไปในเชิงลบ
น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 21 เซนต์ หรือ -0.6% ที่ 35.96 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ WTI ปรับลง 31 เซนต์ หรือ -0.9% ที่ระดับ 34.04 เหรียญ/บาร์เรล
กลุ่มโอเปก รวมทั้งกลุ่มสมาชิกนอกโอเปกอย่างรัสเซียจะทำการปรับลดกำลังการผลิตลงให้ได้เกือบ 10 ล้านบาร์เรล/วันในระหว่างเดือนพ.ค. - มิ.ย. ในช่วงที่การระบาดของไวรัสกำลังคุกคามอุปสงค์พลังงาน
และถึงแม้ว่าสหรัฐฯ รวมทั้งหลายๆประเทศจะมีการคลาย Lockdown และช่วยหนุนมุมมองอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น แต่การฟื้นตัวของตลาดโดยทั่วไปก็ยังเป็นไปอย่างเปราบางและหลายๆฝ่ายก็เตือนให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง