· ราคาทองคำปรับตัวขึ้นหลังจากที่ไปทำต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์วานนี้ ท่ามกลางตึงเครียดสหรัฐฯและจีนที่ดูจะทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับตลาดยังมีแรงหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางต่างๆเข้าหนุนเศรษฐกิจครั้งใหญ่
· ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้น 0.2% ที่ 1,712.39 เหรียญ หลังจากที่ร่วงลงไปทำต่ำสุดวานนี้ที่ 1,693.22 เหรียญ ด้านสัญญาทองคำ Gold Futures ทรงตัวที่ 1,711.4 เหรียญ
· สถานการณ์ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะเป็นปัจจัยปั่นปวนกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาอยู่แล้ว
· หัวหน้านักกลยุทธ์จาก CMC Markets กล่าวว่า สหรัฐฯและจีนต่างก็ไม่เห็นด้วยกันในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะการค้า และการตรวจหาข้อเท็จจริงการระบาดของไวรัสโคโรนา และขณะนี้ยังมีเรื่องพิพาทกรณีฮ่องกงอีก และทั้งหมดที่เป็นข่าวลบแบบนี้ดูจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่เปราะบางให้ย่ำแย่ลงไปอีก
· นักเศรษฐศาสตร์จาก Australia Bank กล่าวว่า สหรัฐฯมีแนวโน้มจะตอบโต้จีนต่อกรณีการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง, ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ และการใช้ดอกเบี้ยระดับต่ำ ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
· ญี่ปุ่นอนุมัติวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.1 ล้านล้านเหรียญ ในขณะที่ยุโรปเผยแผนกองทุนฟื้นฟูยูโรโซน 7.5 แสนล้านยูโร
ซึ่งการหนุนเศรษฐกิจด้วยมาตรการชุดใหญ่มีแนวโน้มจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ ที่บ่อยครั้งมักถูกใช้เพื่อเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
· วิเคราะห์ทองหลังลงต่ำกว่า 1,705 เหรียญ
เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลุด 1,710 เหรียญลงมา และระหว่างวันก็มีการปรับตัวลงต่อมาที่ระดับเป้าหมาย 1,700 และ 1,690 เหรียญตามลำดับ แต่ภาพรวมก็ดูเหมือนทองคำจะดีดกลับมาเคลื่อนไหวแบบสะสมพลังต่อระหว่าง 1,705 – 1,710 เหรียญ
ดังนั้น แม้จะยังไม่มีความเป็นไปได้สำหรับภาพขาขึ้นในระยะสั้นๆ แต่ทองคำก็มีโอกาสที่จะขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,722 – 1,735.35 เหรียญได้
· Bloomberg Intelligence ระบุ ทองคำยังมีโอกาสไป 1,900 เหรียญ
ตลาดทองคำยังคงเผชิญกับแรงเทขายหลังจากที่ขึ้นไปทำสูงสุดในรอบ 7 ปีครึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่หนึ่งในนักวิเคราะห์ กล่าวว่า นักลงทุนจำเป็นต้องจับตาภาพใหญ่ในระยะยาวมากกว่า
นายไมค์ แมคโกลน นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสจาก Bloomberg Intelligence กล่าวว่า ราคาทองคำกำลังเริ่มฟื้นตัว และนักลงทุนไม่ควรที่จะทำการลงทุนโดยมองภาพการเคลื่อนไหวของราคาสั้นๆ เพราะอาจจะทำให้เราผิดเป้าในการทำกำไร โดยเป้าหมายต่อไปของทองคำคาดว่าจะฟื้นตัวไปยืนเหนือ 1,900 เหรียญได้ และยังมีอีกหลายๆเหตุผลที่ทำให้ทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ
หนึ่งในนั้นคือการที่เฟดยังคงจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหญ่ และยังไม่มีประเทศใดในโลกที่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากที่เผชิญกับไวรัสโคโรนา
ดังนั้น ทองคำจึงมีโอกาสไปแตะ 1,900 เหรียญ และหากตลาดหุ้นมีการปรับฐานเพื่อปรับลงอีกครั้ง ก็อาจเห็นทองคำแตะเป้าหมายได้ในช่วงสิ้นปีนี้ หรือในช่วงต้นปีหน้า
· คาดการณ์ราคาทองคำยังแข็งแกร่ง
นักวิเคราะห์จาก FX Empire ระบุว่า ราคาทองคำยังคงฟื้นตัวได้หลังจากที่ลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ย EMA ราย 50 วัน จึงยังคงช่วยหนุนสัญญาณการปรับขึ้นที่แข็งแกร่งอยู่ โดยตลาดยังคงมีความต้องการทองคำอย่างต่อเนื่องและไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงสำหรับพอร์ตการลงทุน เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่น่าเป็นกังวล รวมทั้งเรื่องการกลับมาเปิดทำการทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
นอกจากนี้ ธนาคารกลางต่างๆก็ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดที่ดีจากการอัดฉีดเม็ดเงินต่อเนื่องและค่อนข้างรวดเร็วเท่าที่พวกเขาจะทำได้ ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทั้งหมดนี้จึงถือเป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ และในภาพรวมเชื่อว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ย EMA ราย 50 วัน ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,700 เหรียญจะยังแข็งแกร่งอยู่ และมีโอกาสเห็นทองไปแถว 1,750 เหรียญได้ และหากผ่านไปได้ก็มีโอกาสขึ้นไปต่อที่ 1,760 เหรียญ รวมทั้งอาจเห็นทองไต่ระดับไปที่ 1,800 เหรียญ ซึ่งหากมีแรงสนับสนุนที่เพียงพอก็มีโอกาสที่จะเห็นทองขึ้นมาที่ 2,000 เหรียญได้
· In Gold We Trust Report ชี้ ทองคำอาจแตะ 5,000 – 9,000 เหรียญในอีก 10 ปี
รายงานประจำปี In Gold We Trust Report ที่เปิดเผยเมื่อวานนี้โดย Incrementum AG กล่าวว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มจะขยับใกล้ 5,000 เหรียญได้ในช่วง 10 ปี และมีความเป็นไปได้ที่อาจเห็นราคาขึ้นไปแถว 9,000 เหรียญในปี 2030 ซึ่งความแตกต่างของระดับราคาที่ไปถึง 5,000 เหรียญ หรือ 9,000 เหรียญได้นั้น มาจากสถานการณ์ระดับหนี้ทั่วโลกควบคู่กับเรื่องของเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ จากรูปแบบโมเดลทิศทางทองช่วง 10 ปี ชี้มีโอกาสเห็นทองคำอยู่ที่ 4,800 เหรียญ และเมื่อประเมินจากทิศทางในปี 2030 ในเรื่องการเติบโตของอุปทานทางการเงินก็ดูจะคล้ายกับรูปแบบเงินเฟ้อที่เคยเกิดขึ้นในปี 1970 ดังนั้น ถ้าเป็นรูปแบบนี้ก็อาจเห็นทองไปแตะ 8,900 เหรียญได้
ซึ่งหลังพ้นการระบาดของ Covid-19 ทั่วโลกก็จะเผชิญกับวิกฤตหนี้สิน ขณะที่ความกังวล “เงินเฟ้อ” ก็จะเริ่มต้นตามมา และเมื่อเห็นเงินเฟ้อมากเท่าไหร่ก็จะเห็นการปรับรูปแบบการลงทุนตามมาในปีหน้า และบรรดาธนาคารกลางก็จะเผชิญกับปัญหาการจัดการเงินเฟ้อในอนาคตและระดับหนี้สินที่มากเกินไปทำให้ไม่สามารถจัดการกับเงินเฟ้อได้ด้วยการขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นข่าวดีสำหรับทองคำ เนื่องจะหมายถึงอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ต้องอยู่ระดับติดลบต่อไปเป็นเวลานาน ขณะที่หุ้นซิลเวอร์และกลุ่มเหมืองก็ดูจะได้รับอานิสงส์จากประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน
ทองคำยังมีโอกาสนำหน้าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในพอร์ตการลงุทนได้ด้วยจากระดับหนี้ที่นำไปสู่ความไม่แน่นอนในการถือครองพันธบัตรหรือตราสารหนี้ว่าจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยได้ดีหรือเปล่า ดังนั้น การเลือกถือครองดูจะตอบโจทย์กับความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่า
· ราคาพลาเดียมปรับขึ้น 0.4% ที่ 1,943.34 เหรียญ และแพลทินัมปรับขึ้น 1.4% ที่ 830.21 เหรียญ ขณะที่ซิลเวอร์ปรับลง 0.1% ที่ 17.29 เหรียญ