· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง และค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการออกกฎหมายด้านความมั่นคงฮ่องกงจากจีน อาจจะจุดประกายความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.35% หลังจากเคลื่อนไหวในแดนบวกช่วงเช้าวันนี้
ด้านดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 0.17% ในช่วงต้นการซื้อขาย
ทั้งนี้ ทุกตลาดไม่ได้ปรับตัวลดลง เนื่องจากเหล่านักลงทุนในบางประเทศที่ยังคงให้ความสำคัญกับแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น ทะลุแนวต้านสำคัญเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ท่ามกลางความหวังที่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเหล่านักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ร่วงลง อย่างเช่น หุ้นภาคการเงิน
ขณะที่มุมมองเชิงบวกถูกบดบังจากความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากสหรัฐฯส่งสัญญาณว่าฮ่องกงอาจไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากจีนได้จัดทำกฎหมายความมั่นคงใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 2.32% ที่ระดับ 21,916.31 จุด เคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน ที่บริเวณ 21,657 จุด ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้ืน 1.80% ที่ระดับ 1,577.34 จุด ซึ่งทั้งสองดัชนีปรับตัวสูงขึ้นมากทีี่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากเหล่านักลงทุนคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนนโยบายเพิ่มเติมจากการประชุมรัฐสภาจีน อย่างไรก็ดี การปรับตัวสูงขึ้นถูกจำกัด ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนเกี่ยวกับกฎหมายการควบคุมฮ่องกง
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 2,846.22 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน
โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.4% ในช่วงต้นการซื้อขาย ด้านหุ้นกลุ่มเทเลคอม เพิ่มขึ้น 1.2% ท่ามกลางตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เลื่อนไหวในแดนบวก
ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ผู้ว่าแบงก์ชาติ ระบุหัวใจของพรก. 2 ฉบับของธปท.เป็นการบริหารสภาพคล่องชั่วคราว ไม่เป็นภาระให้กระทรวงคลัง
- "แบงก์ชาติ" แจงมาตรการช่วยเหลือรายย่อย-ภาคธุรกิจ ผ่าน 3 มาตรการใหญ่ เผยช่วยลูกหนี้รายย่อย พักชำระหนี้แล้วกว่า 15 ล้านคน รวมมูลหนี้ กว่า 6.6 ล้านล้านบาท พร้อมอัดฉีดเม็ดเงิน ใหม่ผ่านมาตรการซอฟท์โลนแล้วกว่า 1.5 แสนล้านบาท ย้ำช่วงโควิด ธปท.ลดดอกเบี้ยรวมแล้ว 1% ดึงดอกเบี้ยเงินกู้แบงก์ลงราว 0.62-0.95%
- อสังหาฯ หวัง ธนาคารพาณิชย์ลดความเข้มงวดปล่อยสินเชื่อบ้าน หวั่นกระทบผู้ประกอบการมีปัญหาขนาดสภาพคล่องได้ ด้านศูนย์ข้อมูลฯ คาดสิ้นปี 63 สต๊อกเหลือขาย พุ่งสู่ระดับ 212,750 หน่วย เงินจมกว่า 1.34 ล้านล้านบาท
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้หารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค.เพื่อร่วมกันจัดทำแพ็กเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งจะอยู่ภายใต้วงเงินการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นจากการหารือ นอกจากต้องผลักดันเงินลงไปถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว ในการประชุมยังเสนอให้เยียวยาหรือเสนอแพ็กเกจท่องเที่ยว ให้กับผู้ที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานหนักกับการรักษาไวรัสโควิด-19 มานาน ส่วนแพ็กเกจจะออกมาในรูปแบบใดนั้น เร็วๆ นี้จะได้ข้อสรุป
- นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 11 ราย โดยเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,065 ราย วันนี้มีผู้ป่วยหายป่วยเพิ่มขึ้น 14 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วรวม 2,945 ราย และยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 63 ราย ขณะที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงเดิมที่ 57 ราย