ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.49% ที่ 1.1057 ดอลลาร์/ยูโร โดยตลอด 3 วันปรับแข็งค่าขึ้นแล้ว 1.5%
ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.36% ที่ 98.55 จุด ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน
· รัฐสภาจีนลงมติรับรองการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ส่งผลให้นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยและประเทศฝั่งตะวันตก เกรงจะลดทอนเสรีภาพของศูนย์กลางการเงินเอเชีย ขณะที่สหรัฐฯประกาศเพิกถอนสถานะพิเศษทางเศรษฐกิจที่มอบให้แก่ฮ่องกง
ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐสภาของจีนในการจัดทำกรอบกฎหมาย และบังคับใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อป้องกันและลงโทษการกบฏ การก่อการร้าย การแบ่งแยกดินแดน และการแทรกแซงของต่างชาติ หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ ขณะที่การเคลื่อนไวหล่าสุดได้ส่งผลให้สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และแคนาดา ออกมาประณามจีน โดยที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจสหรัฐฯก็มีการเตือนฮ่องกงที่จะอาจไร้เสรีภาพในการเป็นศูนย์กลางทางการเงินเอเชียต่อไป
นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า ไม่สามารถรับรองได้แล้วว่าฮ่องกงมีสิทธิปกครองตนเองในระดับสูง ซึ่งจะปูทางสู่การยกเลิกสิทธิพิเศษด้านการค้าและเศรษฐกิจที่สหรัฐฯมอบให้
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเคยประกาศที่จะทำการตอบโต้จีน โดยจะเผยถึงแนวทางการตัดสินใจในวันนี้
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีแผนที่จะยกเลิกวีซ่าของนักวิจัยของจีน รวมทั้งนักศึกษาจีนจำนวนหลายพันคนที่จบการศึกษาในสหรัฐ และมีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยของจีนที่มีความสัมพันธ์กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA)
· นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ใช้โอกาสในการประชุม NPC สำหรับการเสนอโอกาสสำรหับภาคธุรกิจต่างประเทศในการร่วมมือกันในช่วงเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนาเวลานี้ และในการประชุมวาระนี้ยังมีการหารือถือทิศทางเศรษฐกิจและแนวทางการะตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งเรื่องกฎหมายฉบับใหม่ในฮ่องกง พร้อมกันนี้นายหลี่ ยอมรับว่ายังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนา ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่เมืองอู่ฮั่น จนปัจจุบันมีผู้คนทั่วโลกนับ 5.6 ล้านรายที่ติดเชื้อ
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งพิเศษตีความใหม่ กฎหมายว่าด้วยการสื่อสารที่เหมาะสม (Communications Decency Act) ซึ่งให้ความคุ้มครองทางกฎหมายแก่แพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง เฟซบุ๊ก,ทวิตเตอร์ และยูทูบ ในบางสถานการณ์
โดยการดำเนินการดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่นายทรัมป์ทำการขู่จะควบคุมหรือปิดบริษัทโซเชียลมีเดียหลายแห่ง หลังทวิตเตอร์ ขึ้นแถบข้อความแจ้งเตือนข่าวปลอม (Fact-Check) ใต้ทวีตของผู้นำสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก
· ยอดขายปลีกญี่ปุ่นร่วงลง 13.7% ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่อัตราการว่างงานญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะ 2.6% ในเดือนเม.ย. เพิ่มจากเดือนมี.ค. ที่ 2.5%
· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นกว่า 2% หลังจากที่อ่อนตัวลงในช่วงต้นตลาดท่ามกลางสัญญาณที่ว่าอุปสงค์แก๊สโซลีนในสหรัฐฯจะเพิ่มสูงขึ้นแม้ว่ารายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับตลาดเผชิญกับความกังวลครั้งใหม่เรื่องกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงที่อาจนำมาซึ่งการคว่ำบาตรทางการค้า
น้ำมันดิบ WTI ปิดขึ้น 90 เซนต์ หรือ +2.7% ที่ 33.17 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 55 เซนต์ หรือ +1.6% ที่ระดับ 35.29 เหรียญ/บาร์เรล
EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับขึ้นเกินคาด 7.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกแก๊สโซนลีนปรับตัวลง