• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 29 พฤษภาคม 2563

    29 พฤษภาคม 2563 | SET News
 



· ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานกันในวันนี้ เนื่องจากเหล่านักลงทุนกำลังรอคอยท่าทีของตลาดหลังจากที่รัฐสภาจีนทำการอนุมัติกฎหมายข้อกำหนดด้านความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง ซึ่งดูจะเป็นการปูทางให้เกิดกฎหมายฉบับสุดท้ายเป็นรูปเป็นร่างที่จะมีผลต่อฮ่องกง

ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี Shenzhen component เพิ่มขึ้น 0.869% ที่ระดับ 10,746.08 จุด ขณะที่ดัชนี Shanghai composite เพิ่มขึ้น 0.22% ที่ระดับ 2,852.35 จุด

ด้านดัชนี Hang Seng ฮ่องกง ลดลง 0.7% ในช่วงท้ายของการซื้อขาย ด้านหุ้น HSBC ร่วงลงไป 2.97%

ขณะที่ดัชนี Kospi เกสหลีใต้ ปิดปรับตัวสูงขึ้นได้เล็กน้อยที่ระดับ 2,029.60 จุด ด้านดัชนี S&P/ASX 200 ลดลง 1.63% ปิดที่ระดับ 5,755.70 จุด เนื่องจากหุ้นของธนาคารใหญ่ ๆ เช่น Commonwealth Bank of Australia และ Westpac ที่ปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 0.17%

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความคาดหวังว่าจีนจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อหนุนเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นของจีน - สหรัฐฯ

โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.22% ที่ระดับ 2,852.35 จุด

สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนี SSEC และ CSI300 เพิ่มขึ้น 1.4% และ 1.1% ตามลำดับ

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง หลังจากที่ดัชนี Nikkei และ ดัชนี Topix ปรับตัวสูงขึ้น 4 วันทำการติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น เกี่ยวกับกฎหมายความมั่นคงในฮ่องกง

โดยดัชนี Nikkei ลดลง 38.42 จุด หรือคิดเป็น 0.18% ที่ระดับ 21,877.89 จุด ด้านดัชนี Topix ลดลง 13.67 จุด หรือคิดเป็น 0.87% ที่ระดับ 1,563.67 จุด

ทั้งนี้ หุ้นที่ปรับตัวลงนำโดยพวกโลหะประเภทกลุ่มเหล็ก การขนส่งทางทะเลและการขนส่งทางอากาศ


· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความตึงเครียดรหว่างสหรัฐฯและจีนที่กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนในเชิงบวก เนื่องจากการกลับมาเปิดทำการอีกครั้งของเศรษฐกิจ

โดยดัชนี Stoxx600 ร่วงลง 1% ด้านหุ้นกลุ่มยานยนต์ ร่วงลง 3.2% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ ยกเว้นหุ้นกลุ่มสุขภาพ

ขณะที่นายโดนัมด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกคาดว่าจะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับจีนในวันนี้ โดยตลาดต่างคาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนจะแย่ลงไป

ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนอาจจับตาดูจีดีพีและข้อมูลเงินเฟ้อนอกเขตยูโรโซน ซึ่งอาจนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

อ้างอิงสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ADVANC ยันเดินหน้าลงทุน 5G ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 กังวลมาตรการรัฐ หวั่นกระทบธุรกิจ ห่วงสถานการณ์ลากยาว และใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่า 2 ปี

นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยวางงบ 4 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ไปในการประมูล 5G เพื่อดูแลลูกค้ามือถือที่มีมากกว่า 40 ล้านราย ลูกค้าอินเตอร์เน็ตบ้านอีก 1.2 ล้านราย รวมไปถึงลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่มาใช้บริการบริษัท


อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

- พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุม โดยที่ประชุมมีมติในส่วนมาตรการบังคับ ได้แก่ ให้ลดเวลาการห้ามออกนอกเคหสถานจากเวลาเดิม 23.00-04.00 น. เป็น 23.00-03.00 น. เริ่ม 1 มิ.ย. 63 เป็นต้นไป แต่ยังคงควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทุกช่องทาง เพื่อป้องกันนำเชื้อโรคมาจากต่างประเทศ ส่วนการเดินทางข้ามจังหวัด 1 มิ.ย. เปิดให้เดินทางได้ แต่ไม่เสรีมาก แต่มีความจำเป็นต้องผ่อนคลายมากขึ้นในการดำเนินชีวิตและกระตุ้นเศรษฐกิจ และห้างสรรพสินค้า ขยายเวลาเปิดจาก 20.00 น. เป็น 21.00น.

- เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวน ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 11 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,076 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 57 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 2,945 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 74 ราย


อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบ 5% โดยจะติดลบมากสุดในไตรมาส 2 คาดติดลบ 13% ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง จากไตรมาสแรกเศรษฐกิจไทยติดลบไปแล้ว 1.8% ถือเป็นการหดตัวครั้งแรกเมื่อเทียบปีต่อปีของเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ปี 57 และคาดว่าจะใช้เวลานานมากกว่า 2 ปีเศรษฐกิจไทยถึงจะฟื้นตัวกลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติ โควิด-19 แม้ว่าบรรยากาศเริ่มดีขึ้นในขณะที่ธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดทำการและรัฐบาลได้ให้เงินช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดมาตั้งแต่เดือน เม.ย.

- นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวขอวิงวอนรัฐบาลเริ่มพิจารณาเปิดเมือง เปิดประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งการเริ่มขยับในเดือน ก.ค.จะเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะเป็นช่วงที่ทั่วโลกไม่พร้อม แต่ประเทศไทยพร้อม เพราะหากจะรอไปนานกว่านี้จะช้าไป

- หุ้น MAJOR พลิกมาบวก 3.03% มาที่ 17.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 92 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.50 น. โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 16.40 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 17.00 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 15.80 บาท หุ้นบมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เคลื่อนไหวในแดนลบในช่วงเช้าก่อนจะพลิกมาอยู่ในแดนบวก หลังจากที่นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานมีมติให้ปรับลดเวลาเคอร์ฟิวมาเป็น 23.00-03.00 น. โดยมีเหตุผลในเรื่องของการขนส่งข้ามจังหวัด

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com