· ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบยูโร โดยตลาดได้รับผลกระทบจากเม็ดเงินช่วงส่งท้ายเดือน ท่ามกลางยูโรที่ได้รับแรงหนุนจากการที่อียูประกาศแผนเพิ่มงบกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจในวงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร (6.73 แสนล้านปอนด์) โดยยูโรยังคงแข็งค่าต่อในคืนวันศุกร์อีก 0.13% ที่ 1.1091 ดอลลาร์/ยูโร ถือเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องวันที่ 4 ขณะที่การแข็งค่าของยูโรทำให้ล่าสุดยืนเหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ย MA ราย 200 วันได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค. และทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมายูโรแข็งค่าขึ้น 1.7% ถือเป็นสัปดาห์ที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 9 สัปดาห์
ค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้เคลื่อนไหวมากนักหลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าววันศุกร์ถึงการดำเนินการโดยตรงในการเริ่มถอนสถานะพิเศษฮ่องกงอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการตอบโต้จีนที่ออกกฎหมายด้านความมั่นคงในฮ่องกงล่าสุด โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 98.217 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวแนว 107.68 เยน/ดอลลาร์
รองประธานการซื้อขายจาก Tempus Inc คิดว่าเหล่าเทรดเดอร์กำลังมองหาความเป็นไปได้สำหรับการขึ้นภาษีครั้งใหม่หรือการคว่ำบาตร หรือแม้แต่การถอนข้อตกลงเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯกับจีน แต่ถ้อยแถลงของนายทรัมป์กลับไม่มีการกล่าวถึงเรื่องข้างต้นเลย
· สถานการณ์ในสหรัฐฯวิกฤตทั้งเหตุประท้วงที่ทำให้เกิดการปะทะรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ ในช่วงที่การระบาดของไวรัสยังดำเนินไปและคนว่างงานเพิ่มสูงประวัติการณ์
CNN รายงานสถานการณ์ล่าสุดพบว่าเกือบ 40 เมืองในสหรัฐฯ อันรวมถึงรัฐวอชิงตัน ดีซี มีการประกาศเคอร์ฟิวส์แล้วเมื่อคืนนี้ เพื่อรับมือกับเหตุประท้วงรุนแรงตลอดสัปดาห์ โดยเช้าวานนี้พบว่ากองกำลังรักษาการแห่งชาติกว่า 5,000 นายได้ลงพื้นที่ใน 15 รัฐ รวมถึงวอชิงตัน ดีซี พรอ้มๆกับเจ้าหน้าที่อีก 2,000 นายที่เตรียมพร้อมรับมือหากจำเป็น
อ้างอิงจาก NBC News พบว่า ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าจับกุมนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวสี พร้อมใช้หัวเข่ากดลำคอแนบพื้นถนนก่อนที่เขาจะเสียชีวิต อันนำมาสู่เหตุประท้วงเริ่มต้นที่รัฐมินนีแอโพลิส และลุกลามสู่หลายๆเมืองใหญ่ และทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นในการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ทั้งนี้ เหตุประท้วงและความรุนแรงมีมากขึ้นภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ส่งผลให้ชาวอเมริกาเสียชีวิตแล้วกว่า 100,000 ราย และนำไปสู่ภาวะว่างงานที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่ยุค Great Depression โดยอัตราว่างงานพุ่งแตะ 14.7% ในเดือนเม.ย. สูงสุดตั้งแต่ที่เคยเกิดขึ้นในยุคหลังสงครามโลก และมีแนวโน้มจะเห็นอัตราว่างานสหรัฐฯสูงกว่า 20% ได้
บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง Target Corp ระบุว่า กลุ่มค้าปลีกดูจะได้รับผลกระทบหนักในสหรัฐฯนอกจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ยังต้องทำการปิดร้านค้าต่อท่ามกลางเหตุประท้วงและการลักทรัพย์ในหลายๆเมืองของสหรัฐฯ
· นักเศรษฐศาสตร์ชี้ต่อกรณีที่ทรัมป์อาจลงโทษจีน แต่ก็ไม่อาจเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ได้
นักเศรษฐศาสตร์จีน มองว่า การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯอาจทำการลงโทษจีนต่อการใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง ซึ่งทางเลือกที่นายทรัมป์จะนำมาใช้ก็อาจไม่ได้ส่งผลเสียครั้งใหญ่ต่อจีนมากนัก แม้ว่าการที่สหรัฐฯจะถอดถอนฮ่องกงออกจากสถานะพิเศษนั้นดูจาส่งผลกระทบต่อจีนเนื่องจากฮ่องกงถือว่าเป็นสะพานทางการเงินของทั่วทุกมุมโลก แต่การกระทำดังกล่าวก็จะส่งผลให้บริษัทสัญชาติสหรัฐฯนั้นได้รับผลกระทบไปตามๆกัน
· ด้านเกาหลีเหนือแสดงความคิดเห็นในการให้ความสนับสนุนแก่จีนเรื่องการออกกฎหมายความมั่นคงฮ่องกง พร้อมเรียกร้องขั้นตอนต่อไปสู่การเป็นตัวบทกฎหมายเพื่อความมั่นคงของประเทศ
· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวานนี้กล่าวว่าเขาจะทำการเลื่อนการประชุม G7 ออกไปจนกว่าจะเข้าเดือนก.ย. หรือหลังจากนั้น พร้อมๆกับจะขยายจำนวนประเทศเทียบเชิญ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย, รัสเซีย, เกาหลีใต้ และอินเดีย
· ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่งทะลุ 6 ล้านราย
ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่งทะลุ 6 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางแถบละตินอเมริกาที่มีรายงานการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 50,000 ราย ขณะที่บราซิล, ชิลี และเม็กซิโกพบการระบาดของไวรัสชะลอตัวลง ด้านยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่า 370,000 ราย
IMF เผย การระบาดอาจทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจบิดเบือน และจะนำไปสู่การประเมินได้เพียงเล็กน้อย
รายงานจาก IMF เผยว่า เครื่องชี้วัดข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอาจบิดเบือนและบางทีอาจทำให้เราประเมินทิศทางเศรษฐกิจได้น้อย โดยเฉพาะข้อมูลที่ค่อนข้างผันผวนในช่วงเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนา
· ทรัมป์ตัดสัมพันธ์ WTO
ในคืนวันศุกร์ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศสหรัฐฯกำลังดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อยุติสถานภาพสมาชิกกับองค์การอนามัยโลก (WTO) และจะโยกย้ายงบประมาณที่เคยจัดสรรเพื่อสนับสนุนองค์กรแห่งนี้ ไปช่วยเหลือหน่วยงานด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งอื่นแทน
นอกจากนี้ นายทรัมป์ ยังกล่าวถึงจีนว่าเมีอิทธิพลเบ็ดเสร็๗ เหนือการทำงานของ WTO ทุกมิติ แม้ว่าจะจ่ายเงินช่วยให้องค์การนี้เพียง 40 ล้านเหรียญ/ปี เมื่อเทียบกับสิ่งที่สหรัฐฯมอบให้องค์การกว่า 450 ล้านเหรียญ/ปี ท่ามกลางทั่วโลกที่กำลังค้นหาความจริงเกี่ยวกับวิกฤตโรคระบาดไวรัสโคโรนา แต่จีนกลับใช้อำนาจในการกดดันให้ WTO ชี้นำทั่วโลกในทางที่ผิดจนทุกฝ่ายต้องได้รับผลกระทบจากการกระทำโดยมิชอบของจีน และชาวสหรัฐฯกว่าแสนรายต้องเสียชีวิตลงด้วยโรคระบาดจากจีน
อย่างไรก็ดี อียูมีการเรียกร้องให้สหรัฐฯทำการพิจารณษต่อการตัดสินใจใหม่อีกครั้งสำหรับกรณีการตัดสัมพันธ์กับทาง WTO
· กิจกรรมภาคการผลิตจีนเดือนพ.ค.ชะลอตัวจากอุปสงค์ที่อ่อนแอจำกัดการผลิต
กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมจีนชะลอตัวลงในเดือนพ.ค. แต่ในส่วนของภาคบริการกลับปรับตัวสูงขึ้นอย่างเร็ว จึงสะท้อนถึงการฟื้นตัวที่ยังไม่ราบรื่นของจีน เนื่องจากภาคการผลิตยังคงชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แม้จะเห็นกิจกรรมการผลิตมีการฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.พ. โดยดัชนี PMI อ่อนตัวลงมาแตะ 50.6 จุดในเดือนพ.ค. จากเดิมที่ 50.8 จุดในเดือนเม.ย. ด้านยอดส่งออกหดตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด ที่ 35.3 จุด
· น้ำมันดิบปิดพุ่ง 5% จากทิศทางเชิงบวกของการค้าสหรัฐฯและจีน และการผลิตน้ำมันที่ลดลง
น้ำมันดิบสหรัฐฯปิด +5% ในคืนวันศุกร์ จากความหวังที่ว่าข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะยังดำเนินต่อไป รวมทั้งการเห็นกำลังการผลิตน้ำมันปรับตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนก.ค. ปิดปรับขึ้น 1.78 เหรียญ หรือ +5.3% ที่ 35.49 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบ Brent เดือนส.ค. ปิดปรับขึ้น 1.81 เหรียญ หรือ +5% ที่ 37.84 เหรียญ/บาร์เรล
ภาพรวมน้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดเดือนนี้ยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้จากทั่วโลกที่ปรับลดกำลังการผลิตลง และคาดว่าจะเห็นอุปสงค์น้ำมันเติบโตมากขึ้นทั้งจากในสหรัฐฯ โดยเฉพาะรัฐนิวยอร์กซิตี้ และอีกหลายๆเมืองที่กลับมาคลาย Lockdown