ทองคำขึ้นท่ามกลางเหตุประท้วงสหรัฐฯหนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในสหรัฐฯและจีน ประกอบกับเหตุประท้วงในสหรัฐฯ จากเหตุการณ์เสียชีวิตของชาวผิวสีอย่าง นายจอร์จ ฟลอยด์ ที่ส่งผลให้เกิดคลื่นมหาชนออกมาประท้วงต่อการดำเนินการเกินเหตุของเจ้าหน้าที่ และทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุนการฟื้นตัวของทองคำ
· ราคาทองคำตลาดโลกปรับขึ้น 0.8% ที่ 1,739.75 เหรียญ ด้าน Gold Futures ปรับขึ้น 0.1% ที่ 1,752.6 เหรียญ
· หัวหน้านักกลยุทธ์จาก CMC Markets กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในสหรัฐฯที่ดูจะกดดันต่อความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้น ขณะที่ตลาดกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ดูจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนราคาทงอคำ
· ทองคำเข้าสู่ภาวะสะสมพลังก่อนขึ้นสู่ 1,800 เหรียญ
หลังจากที่ราคาทำสูงสุดที่ 1,788 เหรียญในช่วงต้นเดือนเม.ย. ราคาทองคำก็ดูจะเข้าสู่สภาวะสะสมพลัง และดูจะมีการสร้างฐานที่ยืนได้เหนือ 1,675 เหรียญ แม้ว่าความต้องการสินทรัพย์ Safe-Haven จะเป็นตัวพยุงให้ราคายังคงยืนได้เหนือ 1,700 เหรียญก็ตาม และจะเห็นว่าสัญญาซื้อขาย Gold Futures จะมีกรอบกว้าง 100 เหรียญ ระหว่าง 1,675 – 1,775 เหรียญตลอดช่วง 8 สัปดาห์มานี้
ราคาทองคำอาจยังมีการปรับขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในกรอบเพื่อเตรียม Breakout มาทำ All-Time Highs และทองคำมีสิทธิกลับหาระดับแนวต้านที่แข็งแกร่งอย่าง 1,800 เหรียญของปี 2012 ได้ ดังนั้น การเห็นราคาสะสมพลังเพื่อไปถึงระดับดังกล่าวจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไรนัก
ขณะเดียวกัน กลุ่มนักลงทุนก็ดูจะจับตากับความไม่แน่นอนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประกอบกับธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินครั้งใหญ่เพื่อพยุงเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ได้ส่งผลให้ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น ขณะที่กองทุนทองคำ SPDR ยังคงถือครองระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีได้
นอกจากนี้ ล่าสุดทางสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงญี่ปุ่นก็มีการอัดฉีดเม็ดเงินขนานใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มในการต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา โดยคณะกรรมาธิการอียูมีการจัดตั้งกองทุนที่เรียกว่า “Next Generation EU” ประกอบด้วยวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจภูมิภาค 5 แสนล้านยูโร และอีก 2.50 แสนล้านเหรียญสำหรับเงินกู้แก่ประเทศสมาชิก
อย่างไรก็ดี ภาพรวมเศรษฐกิจกว่า 70% จะเติบโตได้ก็ขึ้นอยู่กับบมุมมองของกลุ่มผู้บริโภค ท่ามกลางชาวสหรัฐฯกว่า 40.77 ล้านรายที่มีการลงชื่อขอรับสวัสดิการว่างงานมาตั้งแต่ 21 มี.ค. และได้ส่งผลให้เฟดต้องเดินหน้าใช้ QE ขนานใหญ่
· KITCO | ผลสำรวจราคาทองคำสัปดาห์นี้ คาดยังปรับขึ้นได้ต่อ
ผลสำรวจจาก Kitco สะท้อนว่ามุมมองนักลงทุนส่วนใหญ่กว่า 87% และผู้เชี่ยวชาญกว่า 57% ยังเชื่อว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นได้ต่อในสัปดาห์นี้
ประธานบริษัท Phoenix Futures and Options LLC ยังเชื่อว่าทองคำจะเป็นขาขึ้น เพราะถึงแม้จะเห็นการปิดสถานะบางส่วนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในสัปดาห์ที่แล้วจากสัญญาส่งมอบเดือนมิ.ย. ที่จะหมดอายุลงไป แต่ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกก็ยังดูจะช่วยหนุนให้ราคาทองคำที่ถึงแม้จะเผชิญแรงเทขายแต่ก็น่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อ
นักวิเคราะห์การตลาดจาก Price Futures Group ก็ยังมองทิศทางทองคำเชิงบวก โดยระบุว่า ถึงจะมีเม็ดเงินไหลกลับสู่ตลาดหุ้น แต่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน ประกอบกับการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลกก็ยังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
นักวิเคราะห์จาก Walsh Trading ก็มองทองขึ้นได้ต่อจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ดำเนินไป ซึ่งหากความตึงเครียดไปสู่ภาวะเลวร้ายก็มีโอกาสหนุนราคาทองคำได้ต่อในระยะยาว
นักวิเคราะห์ทางเทคนิคอาวุโสจาก Kitco มองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นและยังเป็นทิศทางขาขึ้นอยู่เนื่องจากมีความเสี่ยงในจีนเพิ่มขึ้น
นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก LaSalle Futures Group กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ภาพทางเทคนิคของทองคำ แต่สภาวะทางการเมือง และการอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ดูจะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ Gold Futures มีการปรับขึ้นทดสอบ 1,760 เหรียญ และบางทีอาจไปถึง 1,780 เหรียญได้ พร้อมกันนี้จะเห็นได้ถึงระดับราคาที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วันบริเวณ 1,735.2 เหรียญ ซึ่งมีโอกาสเห็นราคารายสัปดาห์ยืนได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ 1,743.9 เหรียญด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เริ่มตั้งแต่จีน ตลอดจนตะวันออกกลางก็ดูจะเป็นปัจจัยที่กดดันดอลลาร์ และคาดจะเป็นแรงหนุนที่ดีให้แก่ราคาทองคำสัปดาห์นี้
· รายงานจาก CFTC ระบุว่า กลุ่มนักลงทุนทำการปรับลดการถือครองทองคำในสถานะ Long ตลาด Comex และมีการเพิ่มการถือครองสัญญา Silver แทนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
· ราคาซิลเวอร์ปรับขึ้น 2% ที่ 18.20 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่ 26 ก.พ. ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาที่ 18.16 เหรียญ ขณะที่พลาเดียมปรับขึ้น 0.7% ที่ 1,958.25 เหรียญ ด้านแพลทินัมปรับลง 0.3% ที่ 835.56 เหรียญ