นักเศรษฐศาสตร์จาก Morgan Stanley กล่าวว่า สหรัฐฯไม่มีแนวโน้มจะต้องการทำลายข้อตกลง “เฟสแรก” ที่ได้ลงนามกับจีนไว้ แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างสองประเทศจะทวีความรุนแรงแรงมากขึ้น
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวไว้ในดือนที่แล้วว่าเขาค่อนข้างจะมีความคิดถึงเรื่องการฉีกข้อตกลงเฟสแรกทิ้งดีหรือไม่ และถ้อยแถลงดังกล่าวของเขาก็ดูจะยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนและนักวิเคราะห์ที่คาดอาจเห็นการกลับมาขึ้นภาษีการค้าระหว่างกันและจะถือเป็นปัจจัยบั่นทอนหรือทำลายเศรษฐกิจโลก
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Mogan Stanley กล่าวว่า ในมุมมองของเขา เศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ ตราบเท่าที่ข้อตกลงการค้าเฟสแรกยังคงดำเนินไป ก็ดูจะไม่เห็นถึงความตึงเครียดในเรื่องภาษีครั้งใหม่ ดังนั้น สิ่งที่ทีมทรัมป์ให้ความสนใจน่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจและน่าจะไม่ต้องการทำลายข้อตกลงการค้าเฟสแรก และความเสี่ยงของการเกิด Trade War ครั้งใหม่ก็น่าจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกมากขึ้นไปอีก ซึ่งทั้งหมดนี้จึงไม่น่าจะมีเกิดขึ้น
.png)
นายทรัมป์ ไม่ได้มีท่าทีหรืออัพเดตอะไรเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าที่ได้ลงนามไว้ในเดือนม.ค. มีเพียงแต่นายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ หนึ่งในผู้แทนเจรจาคนสำคัญทางการค้ากับจีน ระบุว่า ค่อนข้างรู้สึกดีกับการทำข้อตกลงการค้ากับจีน และจีนก็ดูจะทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบางประการ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วจีนมีการพูดย้ำถึงจะเดินหน้าทำตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะบอกถึงการที่จีนไม่มีแนวโน้มจะทำตามข้อเรียกร้องในการเพิ่มกำลังการเข้าซื้อสินค้าและบริการ และจีนเองก็คาดว่าน่าจะไม่สามารถเข้าซื้อได้ตามเป้าเนื่องจากเผชิญกับการระบาดของไวรัสโคโรนา
สหรัฐฯ-จีน ประเด็นเด่น
หัวหน้านักวิเคราะห์จาก OCBC กล่าวถึงสถานะของข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ไม่ว่าทีมบริหารนายทรัมป์จะตั้งใจหรือไม่ในการให้จีนยอมเพิ่มกำลังการเข้าซื้อเนื้อวัวหรือสินค้าของสหรัฐฯ แต่การค้าก็ไม่ใช่ทางเดียวที่สหรัฐฯและจีนจะมีปัญหากัน เพราะยังมีเรื่องเทคโนโลยี, ตลาดการเงิน และการระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีต้นตอมาจากจีน
ซึ่งปีที่แล้วเราอาจจะกังวลเรื่องการค้าเป็นสำคัญ แต่ในปีนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ดูจะเป็นประเด็นสำคัญ และในระยะสั้นคิดว่าตลาดจะกังวลต่อสิ่งนี้
ที่มา: CNBC