· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นและปิดรายสัปดาห์ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนครั้ง เนื่องจากอีซีบีกระตุ้นนโยบายทางเศรษฐดิจเพิ่มเติม จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรีบาวน์
โดยดัชนี E-mini S&P 500 futures เพิ่มขึ้น 0.8% ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือน ด้าน Eurostoxx futures เพิ่ม 1.2%, Dax futures ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 1.25% ในขณะที่ FTSE ของลอนดอนเพิ่มขึ้น 1%
ท่ามกลางเหล่านักลงทุนกำลังประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้จะมีข้อมูลที่แสดงถึงความเสียหายร้ายแรงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาก็ตาม
สำหรับคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่คาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงการเสื่อมสภาพในตลาดแรงงานของประเทศสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 12 สัปดาห์ ที่บริเวณ 511.73 จุด
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง ท่ามกลางดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา จึงช่วยชดเชยแรงเทขายทำกำไรของเหล่านักลงทุนในช่วงก่อนหน้านี้
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.7% ที่ระดับ 22,863.71 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา
สำหรับภาพรวมรายสัปดาห์ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นได้ 4.5% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.5% ที่ระดับ 1,612.48 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. เช่นเดียวกัน
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ปิดสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบสองเดือน ท่ามกลางเหล่านักลงทุนคาดว่ารัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และเผชิญกับความตึงเครียดครั้งใหม่กับสหรัฐฯ
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.4% ที่ระดับ 2,930.80 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น จากการกระตุ้นเศรษฐกิจของอีซีบีที่ส่งผลให้เกิดความหวังที่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 2 เดือน
ขณะที่ตลาดทุนทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจกับการเปิดตัวของเศรษฐกิจอีกครั้งหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในช่ววที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ดัชนีStoxx เพิ่มขึ้น 1.2% นำโดยหุ้นภาคธนาคารที่พุ่งขึ้น 3%
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าไปอยู่ในกรอบ 31.00-31.50 บาท/ดอลลาร์ฯ ได้ในช่วงที่
เหลือของปี 2563 ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ของเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยเน้นการดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผิดไปจากปัจจัยพื้นฐาน เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- "ฟันด์โฟลว์" เริ่มไหลกลับ ตลาดหุ้นไทย หลังต่างชาติซื้อสุทธิ 4 วัน กว่า 1.14 หมื่นล้าน ปลุกบรรยากาศการลงทุนคึกคัก ขณะ "หุ้นไทย" วานนี้ปิดตลาดพุ่ง 36 จุด แตะระดับ 1,411 จุด โดย "กลุ่มแบงก์" รับอานิสงส์เต็ม ราคาบวกยกแผง "กสิกรไทย-ไทยพาณิชย์" กอดคอชนซิลลิ่ง
- สภาผู้แทนราษฎร ลงมติเสียงข้างมาก 264 คะแนน รับหลักการร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณ พ.ศ...... จากนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 49 คน สัดส่วนคณะรัฐมนตรี 12 คน รัฐบาล 20 คน ฝ่ายค้าน 17 คน กำหนดการแปรญัตติภายใน 3วันและวางกรอบการทำงานของกรรมาธิการ (กมธ.) ภายใน 7 วัน ก่อนจะเสนอกลับสู่สภาฯ พิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 วันที่ 11 มิ.ย.
- รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งให้
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมความพร้อมเจรจาจับคู่ประเทศที่จัดการกับไวรัสโควิด-19 ได้ดีเยี่ยม จนสามารถเปิดให้คนเดินทางไปมา
หาสู่กันโดยไม่ต้องถูกกักตัวหรือทราเวลบับเบิ้ล ซึ่งนายกฯ ได้ให้ความสำคัญมาก ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมเจรจากับหลายประเทศที่มีความพร้อม
หลังการระบาดของไวรัสคลี่คลายลงจนเปิดประเทศให้คนเดินทางท่องเที่ยว ได้ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นได้ครึ่งปีหลัง
- กระทรวงอุตสาหกรรมจะเสนอโครงการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท ต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เพื่อดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ได้งบจนถึงวันที่
30 กันยายน 2564 คาดว่าจะช่วยประชาชนได้ประมาณ 1.2 ล้านคน เกิดมูลค่าเศรษฐกิจประมาณ 1 แสนล้านบาท
อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
SCB เป็นหนึ่งในหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงนี้ จากการเข้าซื้อของ NVDR เจาะพื้นฐานพบนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดกำไรปีนี้จะลดลงเป็นเลข 2 หลัก แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งสวนจนเกินราคาเหมาะสม เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
เดือน มิ.ย. SCB ราคาพุ่งแล้ว 25%
อย่างที่นักลงทุนทราบกันดีกว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มที่จะกลับมาซื้อหุ้นไทยตั้งแต่ 29 พ.ค. 63 ที่ผ่านมา และแรงซื้อส่วนใหญ่ก็กระจุกตัวอยู่ที่หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ที่เช้านี้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 92.50 บาท ซึ่งหากนับตั้งแต่ราคาปิด (29พ.ค.63) ถือว่าปรับตัวขึ้นมาแล้ว +25% เกาะกลุ่มสูงที่สุดในกลุ่ม 3 แบงก์ใหญ่ด้วยกัน โดยที่ KBANK ในช่วงเวลาเดียวกันบวกมาแล้ว +25% เท่ากัน ส่วน BBL ราคาบวกขึ้นมาน้อยที่สุด +18%
ทั้งนี้ SCB ปิดตลาดเช้านี้ไปที่ 89 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ +1.42% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้น 121.16% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า