• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2563

    12 มิถุนายน 2563 | SET News
  

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง รวมทั้งราคาน้ำมันร่วงลง ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา อาจชะลอการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเปิดทำการอีกครั้งหลังจากที่ปิดไปในช่วง Lockdownsหรืออาจจะนำไปสู่มาตรการการควบคุมครั้งใหม่

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นดลลง 1.2% หลังจากเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วงลง 1.57% อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นจีนปรับตัวสูงขึ้น 0.03% หลังจากที่จีนสัญญาว่าจะดำเนินการปฏิรูปตลาดทุนต่อไป

· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง หลังจากดัชนีที่เริ่มเห็นดัชนี Nikkei ลดลง 3% จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ

โดยดัชนี Nikkei ลดลงที่ 167.43 จุดหรือ 0.75% จากวันพฤหัสบดีที่ระดับ 22,305.48 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ด้านดัชนี Topix ลดลง 18.24 จุดหรือ 1.15% ปิดต่ำกว่าที่ 1,570.68 จุด

· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง ก่อนที่จะปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ นำโดยหุ้นเทคโนโลยี ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่รับแรงหนุนจากคำมั่นของรัฐบาลที่จะผลักดันให้เกิดการปฏิรูปตลาดทุน

โดยดัชนี Shanghai Composite ลดลง 0.04% ด้านดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 เพิ่มขึ้น 0.18%

ทั้งนี้ ดัชนีทั้งสองปรับตัวลดลงมากถึง 1.7% ในไม่ช้าหลังจากที่ตลาดเริ่มทำการซื้อขาย โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา

· ตลาดยุโรปเริ่มการซื้อขายที่ไม่มากนัก เนื่องจากเหล่านักลงทุนมองว่าจะดัชนีจะฟื้นตัวขึ้นจากการเทขายในช่วงก่อนหน้านี้

โดยเมื่อวานนี้ดัชนีบลูชิพของยุโรปร่วงลง 4% หลังจากการถ้อยแถลงในเชิงลบของเฟดเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและกังวล Second Wave เกี่ยวกับการติดเชื้อจากไวรัสโคโรนา

โดยดัชนี Stoxx600 เคลื่อนไหวผสมผสานกันทั้งสองด้านในการซื้อขายช่วงต้น ก่อนจะปรับตัวลดลง 0.6% ในช่วงประมาณ 40 นาที ด้านหุ้นเทเลคอมร่วงลง 1.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มยานยนต์เพิ่มขึ้น 0.4%

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- นายพิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือนมิ.ย. 63 อยู่ที่ระดับ 60.19 จุด ปรับลดลง 8.14 จุด หรือคิดเป็น 11.92% จากเดือนพ.ค.63 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 68.33 จุด โดยลดลงเป็นเดือนแรกของปีปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับลดลงมานั้น มาจากการผ่อนคลายมาตรการ Lock Down ของหลายประเทศ ความคาดหวังต่อการพัฒนายาต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 และรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น

คาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำช่วงเดือนมิ.ย.63 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 314 ตัวอย่าง พบว่า 40.45% ยังไม่ซื้อทองคำในเดือนมิ.ย.63 ขณะที่ 35.98% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่ และ 23.57% คาดว่าจะซื้อทองคำในช่วงเดือนนี้

- "อีอีซี" เตรียมถกผ่อนปรนนักลงทุนญี่ปุ่นเดินทางเข้าไทย แจงมีมาตรการตรวจคัดกรองเข้มข้น ระบุ 19 มิ.ย.นี้จ่อลงนาม กลุ่มธุรกิจร่วมค้า BBS เดินเครื่องพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา

- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในเดือน พ.ค. 63 อยู่ที่ระดับ 31.3 ซึ่งเป็นตัวเลขที่อยู่ในโซนสีแดงหรือระดับที่มีความย่ำแย่มาก เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ตัวชี้วัดทุกด้านทั้งการบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า และการค้าชายแดน ภาคบริการ และการจ้างงาน ปรับตัวลดลงในทุกภูมิภาคดังนั้นผู้ประกอบการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยอาจซึมยาวและน่าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้ในปี 65

· อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการ ระยะ 4

โดยภายหลังการประชุม นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ได้แถลงจากทำเนียบรัฐบาล ถึงมติที่ประชุมว่า ได้แถลงผลการประชุม ศบค.โดยระบุว่าที่ประชุมมีมติยกเลิกเคอร์ฟิว โดยจะเริ่มต้นการคลายล็อกนี้ วันที่ 15 มิ.ย. แต่ยังคงการควบคุมการเดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรทั้งทางบก น้ำ และอากาศ

นอกจากนี้ จะมีการผ่อนผันให้เปิดธุรกิจต่างๆ เพิ่มขึ้น เช่น โรงเรียนนานาชาติ การศึกษานอกระบบ ประเภทกวดวิชา และโรงเรียนขนาดเล็กไม่เกิน 120 คน ไปถึงการใช้อาคารสถานที่ของหน่วยงานราชการ เพื่ออบรม ทั้งการจัดประชุม สัมมนา อีเวนท์ พิธี การแสดงดนตรี คอนเสิร์ต แต่ต้องมีมาตรการดูแลความหนาแน่น เช่น งานคอนเสิร์ต แสดงดนตรี ต้องกำหนด 5 ตารางเมตร ต่อคน

· อ้างอิงจากสำนักข่าว PPTV

- หอการค้าไทย ชี้ การทยอยคลายล็อก 3 เฟส ที่ผ่านมาทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว 2 แสนล้านบาท และหากรัฐบาลคลายล็อกเฟส 4 เรียบร้อยแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญถัดมา คือ การเปิดประเทศเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว หรือ นักธุรกิจต่างชาติ ซึ่งในเรื่องนี้ รัฐบาลต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนคนไทย ว่าจะไม่เกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 หรือหากเกิดการแพร่ระบาด โควิด-19 ก็จะสามารถควบคุมได้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com