• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 15 มิถุนายน 2563

    15 มิถุนายน 2563 | SET News
 

· ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้น 477 จุด รีบาวน์กลับจากที่ลงไปทำระดับต่ำสุดของวันตั้งแต่มี.ค.

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับขึ้นวันศุกร์หลังจากที่มีการซื้อขายอย่างผันผวน ซึ่งโดยภาพรวมมีการเข้าซื้อดัชนีมากขึ้นจากที่ร่วงลงแรงในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาที่ถือเป็นระดับวันที่ร่วงลงมากที่สุดตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.

ดัชนี S&P500 ปิด +1.3% ที่ 3,041.31 จุด ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปิด +1.9% หรือ 477 จุด ที่ระดับ 25,605.54 จุด ทาง้ดานดัชนี Nasdaq ปิด +1% ที่ 9,588.81 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดค่อนข้างหนาแน่นปานกลาง ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่ IMF กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้นจะชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จากผลกระทบของการระบาดของไวรัสโคโรนา

อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์ที่แล้วดัชนี ดาวโจนส์ ปิดรายสัปดาห์ที่ -5.5% ด้าน S&P500 ปิดรายสัปดาห์ที่ 4.7% ทางด้าน Nasdaq ปิดรายสัปดาห์ที่ -2.3%

· ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้ดิ่ง 300 จุด จับตาการปรับตัวลงต่อ

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเช้านี้เปิดแดนลบประมาณ 300 จุด ทางด้าน S&P500 ฟิวเจอร์ศ และ Nasdaq ฟิเจอร์ส ปรับลง – 1.3% และ -1.0% ตามลำดับ จากความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณ Second Wave

· ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับขึ้นหลังเผชิญแรงเทขายเมื่อวันพฤหัสบดี

ดัชนี Stoxx600 ปิด +0.1%โดยปิดปรับตัวขึ้นหลังเผชิญแรงเทขายในวันก่อนหน้า ขณะที่หุ้นกลุ่มหลักอื่นๆต่างก็เคลื่อนไหวในแดนบวก

· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงจากความกังวลการระบาดที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับตลาดรอคอยข้อมูลการผลิตจีน

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับลงในเช้านี้ ท่ามกลางนักลงทุนที่วิตกกังวลต่อการกลับมาระบาดระลอกสอง โดยดัชนีนิกเกอิเปิด -0.64% ทางด้าน Topix เปิด -0.33% และดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด - 0.68%

ด้านดัชนี S&P/ASX200 เปิด -0.33%

ทางด้านดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเปิด -0.25%

· นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์นี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.65 - 31.35 บาท/ดอลลาร์ โดยแนวโน้มเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)เตรียมยกเลิกเคอร์ฟิว และให้มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ในระยะที่ 4 ซึ่งจะมี ผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เว้นแต่จะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาที่จะส่งผลให้ค่าเงินบาทเปลี่ยนไปอ่อนค่า เช่น การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2, การออกมาส่งสัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมทั้งการ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. มีมติเห็นชอบคลายการผ่อนคลายมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระยะที่ 4 ในกิจการ/กิจกรรม กลุ่มสีแดง ทำให้ตอนนี้เปิดเกือบปกติแล้วกว่า 95% ยกเว้น กลุ่ม

ธุรกิจประเภท ผับ บาร์ พร้อมให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. เป็นต้นไป แต่ยังคงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก/น้ำ/อากาศ

- ศบค.เห็นชอบในหลักการการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด (Travel Bubble) เพื่อรับชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย เริ่มจากกลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มที่จะมารับการรักษาทางการแพทย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ และสามารถติดตามตัวได้ แต่ต้องยังต้องหารือรายละเอียด วิธีการ รวมถึงมาตรการในการควบคุมโรคก่อน โดยได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดย่อยไปศึกษารายละเอียดและมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจก่อน

- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยหลังจาก ศบค.ผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่ระยะที่ 1-3 ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนล้านบาทแล้ว และเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลได้มีมาตรการคลายล็อก ระยะที่ 4 และระยะต่อไป ก็จะยิ่งช่วย

ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาช่วยหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องการให้ประชาชนออกมาช่วยกันจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศไม่ทรุดตัวไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จัดการประชุมร่วมกับที่ปรึกษาและคณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ตัวแทนจากชมรมวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และนายกสมาคมบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย รวมทั้งผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและกรมสรรพากร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 เกี่ยวกับความเป็นไปได้และแนวทางการจัดตั้งกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารที่ต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ (high yield bond) โดยมีความเห็นร่วมกันในหลักการถึงความจำเป็นในการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com