· ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นกว่า 500 จุด จากยอดค้าปลีกที่กลับมาสดใส
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นจากยอดค้าปลีกที่ปรับขึ้นเกินคาดของสหรัฐฯ รวมถึงข่าวดีเกี่ยวกับผลเชิงบวกต่อความเป็นไปได้ในการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ประกอบกับความหวังที่จะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น
ดัชนีดาวโจนส์ปิด +526.82 จุด หรือคิดเป็น +2% ที่ 26,289.98 จุด ทางด้านดัชนี S&P500 ปิดปรับขึ้น 1.9% ที่ 3,124.74 จุด ขณะที่ Nasdaq ปิด +1.8% ที่ 9,895.87 จุด และนับเป็ฯการปรับขึ้นต่อเนื่องวันที่ 3
เมื่อคืนนี้พบว่ายอดค้าปลีกสหรัฐฯปรับขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17.7% ในเดือนพ.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ทำการคาดการณ์กันไว้ ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯดูจะพึงพอใจกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จึงกล่าวว่านี่อาจเป็นข่าวดีและวันที่ดีของตลาดหุ้น รวมทั้งตลาดแรงงาน
ขณะที่ ยาเดกซาเมทาโซน ลดความเสี่ยงเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจถึง 1 ใน 3 และช่วยผู้ป่วยที่ต้องใช้ออกซิเจนช่วยหายใจถึง 1 ใน 5
ความเชื่อมั่นในตลาดยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังมีรายงานจาก Bloomberg News ที่อ้างถึงแหล่งข่าวใกล้ชิดมีการเปิดเผยกับสำนักข่าวว่า ทีมบริหารของนายทรัมป์กำลังเตรียมเสนองบประมาณโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรกที่จะนำไปสู่การเพิ่มเม็ดเงินสู่โครงการต่างๆ ทั้งการปฏิรูป-ปรับปรุงถนนและสะพาน ตลอดจนรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสัญญาณ 5G และบรอดแบรนด์ในระดับท้องถิ่น
· เช้านี้ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเจอแรงเทขายอ่อนตัวลง 130 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ฟิวเจอร์สเปิด -0.4% และ Nasdaq – 100 ฟิวเจอร์สเปิด -0.25%
· ตลาดหุ้นยุโรปปิด +3% ท่ามกลางเฟดกระตุ้นเศรษฐกิจและความหวังต่อผลการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นท่ามกลางนักลงทุนที่ตอบรับกับถ้อยแถลงประธานเฟด ประกอบกับรายงานการทดลองใช้ยารักษาผู้ป่วยที่มีประสิทธิผลการทดลองค่อนข้างดี โดยดัชนี Stoxx600 ปิดปรับขึ้นได้ราว 3% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มก่อสร้างที่ปรับขึ้นไปกว่า 4% รวมทั้งหุ้นกลุ่มหลักทั้งหมดมีการเคลื่อนไหวในแดนบวก
· ตลาดหุ้นเอเชียเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เนื่องจากกองทุน IMF กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะหดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าวว่า การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกประจำเดือนมิ.ย.จะแสดงถึงอัตราการเติบโตติดลบยิ่งกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งยังกล่าวอีกว่า วิกฤติในปัจจุบันนั้นไม่เหมือนสิ่งที่โลกเคยเห็นมาก่อน
โดยดัชนี Nikkei ลดลง 0.77% ในช่วงต้นการซื้อขาย ด้านดัชนี Topix ลดลง 0.4% ขณะที่ยอดส่งออกของญี่ปุ่นประจำเดือนพ.ค.ที่ร่วงลงไป 28.3% เมื่อเทียบรายปี
ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ เคลื่อนไหวทรงตัว และดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย ปรับตัวสูงขึ้น 0.3%
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.07%
ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนมีแนวโน้มที่จะจับตามองสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นบริเวณคาบสมุทรเกาหลี หลังมีรายงานว่าเกาหลีเหนือทำการระเบิดสำนักประสานงานกับเกาหลีใต้ในเมืองแกซอง ซึ่งติดกับพรมแดนเกาหลีใต้ รวมทั้งความตึงเครียดบริเวณพิพาทของอินเดียและจีนที่เทือกเขาหิมาลัย หลังเกิดการปะทะกันทางทหารของทั้ง 2 ฝ่าย
การปะทะครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์สองฝ่ายตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังอินเดียกล่าวหาว่าจีนส่งทหารหลายพันนายไปยังหุบเขากาลวานในภูมิภาคลาดักห์ ขณะที่หลายๆฝ่ายเชื่อกันว่านี่เป็นการปะทะกันรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ ก่อนหน้านี้จีนและอินเดียเคยทำสงครามกันเพียงครั้งเดียวในปี 1962 และอินเดียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
· นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 30.95-31.25 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ยืนยันการพิจารณาเรื่องการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) จะคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ
- ครม.เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วงเงินรายจ่ายไม่เกิน 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งจะได้เตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
- ครม.อนุมัติหลักการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่าน 3 โครงการสำคัญตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ซึ่งจะใช้งบประมาณสนับสนุนรวมทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 4 เดือน ตั้งแต่ ก.ค.-ต.ค.63 โดยจะต้องลงทะเบียนการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มของธนาคารกรุงไทย (KTB) ประกอบด้วย โครงการกำลังใจ, เราไปเที่ยวด้วยกัน และเที่ยวปันสุข
- ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประเมินว่าในเดือน ก.ย.นี้น่าจะเริ่มเห็นสายการบินต่าง ๆ กลับมาให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ หลังจากหลายประเทศเริ่มทยอยประกาศเปิดน่านฟ้าบ้างแล้ว เนื่องจากเริ่มเข้าช่วงฤดูการท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ในช่วงเดือน ต.ค.63- มี.ค.64
· อ้างอิงจากสำนักข่าว INNnews
- นายเชาว์ เก่งชน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การไม่พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทยหลังจาก ศบค. ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้เกิดความมั่นใจทางเศรษฐกิจ เนื่องจากความเสี่ยงต่างๆ อยู่ในกรอบที่ควบคุมได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการแพร่ระบาดขึ้นมาอีก ก็คงต้องมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดอีกครั้งหนึ่ง ส่วนมาตรการท่องเที่ยวงบประมาณ 2.24 หมื่นล้านบาท ที่ ครม. มีมติออกมานั้น มองว่า มีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวขึ้น แม้ว่าจะไม่ครบ 100%
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 63 เชื่อว่าจะแย่กว่าไตรมาส 1 เนื่องจากเดือนเมษายนแทบจะไม่มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเลย แต่คาดว่าปีหน้าตัวเลขจะกลับมาเป็นบวกได้