· ตลาดหุ้นเอเชียกลับมาซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโคโนา ทั่วโลกได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว แม้ว่ายอดค้าปลีกสหรัฐฯประจำเดือนพ.ค.จะฟื้นตัวได้ก็ตาม
ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใน 6 รัฐของสหรัฐฯและทางจีน ได้ทำการลดเที่ยวบินและปิดโรงเรียนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคลื่อนไหวทรงตัว หลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% ในช่วงก่อนหน้านี้
· ตลาดหุ้นจีนปิดทรงตัว เนื่องจากเหล่านักลงทุนยังคงระมักระวังการลงทุน เนื่องจากการเดินทางและการเคลื่อนไหวในบางพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในเมืองหลวง
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.14% ที่ระดับ 2,935.87 จุด
ด้านดััชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 เพิ่มขึ้น 0.08% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มการเงินที่ปรบลดลง 0.27% กลุ่มผู้บริโภคลดลง 0.07% และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 0.51%
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดปรับตัวลดลง เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ร่วงลงตามข้อมูลยอดส่งออกที่ออกมาอ่อนแอ ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน
ยอดส่งออกของญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.ร่วงลงมากกว่าคาดแตะ -28.3% ซึ่งเป็นระดับการปรับตัวลดลงที่มากที่สุดตั้งแต่ปี 2009 ท่ามกลางวิกฤตทางการเงิน จากยอดส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯที่ลดลง จึงสอดคล้องกับคาดการณ์ที่จะเห็นเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงอย่างมากในไตรมาสนี้
โดยดัชนี Nikkei ปิดลง 0.56% ที่ระดับ 22,455.76 จุด ด้านดัชนี Topix ลดลง 0.40% ที่ะรดับ 1,587.09 จุด ขณะที่ภาพรายวันดัชนีเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือนช่วงก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนยังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ หลังมีรายงานว่าเกาหลีเหนือทำการระเบิดสำนักประสานงานกับเกาหลีใต้ในเมืองแกซอง ซึ่งติดกับพรมแดนเกาหลีใต้ รวมทั้งความตึงเครียดบริเวณพิพาทของอินเดียและจีนที่เทือกเขาหิมาลัย หลังเกิดการปะทะกันทางทหารของทั้ง 2 ฝ่าย
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นอย่างระมัดระวัง เนื่องจากตลาดทั่วโลกให้ความสนใจไปยังความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างอินเดียและจีน รวมทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ท่ามกลางการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในเอเชียและสหรัฐฯ
โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.2% ท่ามกลางหุ้นกลุ่มธนาคารที่เพิ่มขึ้น 0.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มทรัพยากรลดลง 0.5%
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นของตลาดยุโรปคาดว่าจะเป็นไปตามแนวโน้มที่เกิดขึ้นในเอเชียในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา ซึ่งหุ้นปรับตัวลดลงตามคำเตือนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และความกังวลเกี่ยวกับการปะทุทางการเมืองระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย
· อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ
- 3 วันต่อเนื่อง! ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อ 'โควิด-19' เพิ่ม รักษาหายแล้ว 2,996 ราย
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 63 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยไม่พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสม 3,135 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 58 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านแล้ว 2,996 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 81 ราย
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในเดือน พ.ค. 63 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 35.1 ในเดือน เม.ย. มาอยู่ที่ระดับ 36.1 ในเดือน พ.ค.จากความกังวลที่ลดลงของครัวเรือนต่อประเด็นเรื่องรายได้และการมีงานทำหลังจากที่ภาครัฐเริ่มทยอยออกมาตรการผ่อนปรน ส่งผลให้ครัวเรือนบางส่วนกลับมาทำธุรกิจได้ แม้ว่ารายรับอาจจะไม่เทียบเท่าก่อนมีมาตรการปิดเมือง เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในประเทศอ่อนแอลง และความกังวลต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีอยู่ แต่อย่างน้อยกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนที่กลับมาขับเคลื่อนตามปกติ ส่งผลดีต่อรายได้และการมีงานทำของครัวเรือนไทย
- รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลประกาศผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นช่วงที่ 4 (คลายล็อกดาวน์เฟส 4) และยกเลิกห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) คาดว่าจะทำให้ธุรกิจต่างๆ ทยอยกลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้งเป็นผลดีต่อตลาดรถยนต์ในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้บ้างแต่ภาพรวมยังต้องติดตามใกล้ชิดเพราะแรงซื้อของคนไทยยังตกต่ำและความไม่แน่นอนจากการกลับมาระบาดไวรัสโควิด-19 รอบ 2 ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนั้นเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2563 คงจะอยู่ที 1 ล้านคัน ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 50%
- ธนารักษ์เร่งสำรวจราคาที่ดินรอบใหม่ปี 2564-2567 ก่อนประกาศต้นปีหน้า คาดงวดนี้ขยับขึ้นเล็กน้อย จากปกติขึ้นทุกปี 3-5% เนื่องจากปัญหาโควิดกระทบเศรษฐกิจโดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เล็งพัฒนาโครงการต่างๆ บนที่ดินของกรมธนารักษ์ หวังเพิ่มมูลค่า
· อ้างอิงจากสำนักข่าวฐานเศรษฐกิจ
- นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ “บีโอไอ” (BOI) เปิดเผยว่า การส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนั้น กลุ่มประเทศเป้าหมายยังคงมุ่งเน้นอยู่ในภูมิภาคเอเชียเอชียเป็นหลัก เพราถือว่าเป็นกลุ่มประเทศที่กำลังขยายตัวเรื่องการลงทุน อีกทั้งหากมองจากสถิติการขอรับการส่งเสริมการลงทุนก็จะพบว่าเป็นประเทศญี่ปุ่นกับจีนที่สลับกันขึ้นเป็นอันดับที่ 1
อย่างไรก็ดี ไม่ได้หมายความว่า BOI เองจะละเลย หรือไม่สนใจกลุ่มประเทศเป้าหมายอื่น แต่ยังเป็นเป้าหมายอยู่เช่นเดิม โดยมองว่าไม่ว่าจะเป็นประเทศใดในโลก หรือภูมิภาคใดเวลานี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางด้านห่วงโซ่อุปทาน หรือซัพพายเชนจ์ (Supply chain)