• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2563

    19 มิถุนายน 2563 | Economic News
  

· ดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางแข็งค่าสัปดาห์นี้ จากการระบาดครั้งใหม่กดดันความเชื่อมั่นตลาด

วันนี้เรียกได้ว่าค่าเงินดอลลาร์ทำระดับรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในเดือนนี้ ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เข้ากดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จึงทำให้เราเห็นการเข้าถือครองดอลลาร์เพิ่มขึ้นในฐานะ Safe-Haven

ภาวะตึงเครียดทางการเมืองบริเวณคาบสมุทรเกาหลีระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ประกอบกับความตึงเครียดบริเวณเทือกเขาหิมาลัยระหว่างจีนและอินเดีย ก็ยังถือเป็นปัจจัยกดดันตลาดและทำให้นักลงทุนเลือกลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงฃ

ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวใกล้ระดับแข็งค่ามากที่สุดรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยที่ภาพรวมค่าเงินแข็งค่าได้มากถึง 0.4% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นอัตราการปรับขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพ.ค.

หัวหน้านักวิเคราะห์ Pepperstone กล่าวว่า ภาวะขาขึ้นของดอลลาร์มาจากข่าวใหม่ๆที่ผลักดันให้ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ทรงตัวในวันนี้แตะ 0.6854 ดอลลาร์ และดัชนีมีการทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยราย 20 วัน ขณะที่ค่าเงินกีวีของนิวซีแลนด์ อ่อนค่าลงแตะ 0.6407 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดตั้งแต่วันจันทร์ ด้านค่าเงินเยนทรงตัวที่ 106.9 เยน/ดอลลาร์

ค่าเงินปอนด์ยืนเหนือระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์แตะ 1.2403 ดอลลาร์/ปอนด์ ภายใต้แรงกดดันจากนักลงทุนที่กังวลว่าแผนของบีโออีอาจไม่เพียงพอต่อการต้องเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อการฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนจนถึงปี 2021

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเฉพาะการรีบาวน์ของภาคการผลิตในแถบแอตแลนต้าที่ดูจะมาชดเชยกับข้อมูลการว่างงานที่อยู่ในระดับสูง

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1200 ดอลลาร์/ยูโร โดยยังคงทรงตัวได้เหนือระดับอ่อนค่ามากที่สุดที่ทำไว้ในรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 1.1186 ดอลลาร์/ยูโร

ภาพรวมยูโรอ่อนค่าลงมาแล้วประมาณ 1.3% ตั้งแต่วันศุกร์เมื่อเทียบดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่มั่นใจเกี่ยวกับความสามารถทางการเมืองต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของทางอียู

กลุ่มนักลงทุนจับตาความสัมพันธ์ทางการค้าของออสเตรเลีย ที่กำลังมีปัญหากับประเทศคู่ค้ารายใหญ่อย่างจีน จากกรณีการระบาดของไวรัสโคโรนา

· รัฐแคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และฟลอริด้า ยังพบยอดผู้ติดเชื้อทำ All-Time High

 

รายงานล่าสุด ระบุว่า รัฐแคลิฟอร์เนีย, แอริซา และฟลอริดา ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่กลับมาเริ่มมีการกลับมาตรวจหาเชื้อครั้งใหม่

รัฐแอริโซนา มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ 2,519 ราย

รัฐฟลอริดา มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ 3,207 ราย

รัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ 4,084 ราย

และจำนวนยอดทั้งหมดข้างต้นยังคงเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในแถบทางตอนใต้และตะวันตก

นอกจากนี้ สัญญาณล่าสุดของการเพิ่มขึ้นในหลายๆรัฐนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่หาวิธีตอบโต้ต่อการระบาด โดยผู้ว่าการรัฐแอริโซนา ตระหนักดีและระบุว่าอาจใช้นะโยบายควบคุมการระบาดที่เข้มงวดมากขึ้นหากจำเป็น 

· ยอดค้าปลีกอังกฤษรีบาวน์ในเดือนพ.ค. ขณะที่ระดับหนี้สาธารณพุ่ง 100% ของจีดีพี

ยอดค้าปลีกอังกฤษรีบาวน์ขึ้นอย่างแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนที่แล้ว ท่ามกลางประเทศที่ค่อยๆผ่อนคลาย Lockdown แต่อัตราการกู้ยืมของประเทศกำลังพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ โดยที่ระดับหนี้พุ่งทะลุ 100% ของจีดีพีไปแล้ว

ยอดค้าปลีกอังกฤษในเดือนพ.ค. ปรับตัวขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 12% หลังจากที่ร่วงลงไป -18% ในเดือนเม.ย.

ด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคอังกฤษในเดือนมิ.ย. ก็ยังคงออกมาแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้น Lockdown แม้ว่าภาพรวมจะยังดูอ่อนแอก็ตาม

ผู้ว่าการอังกฤษ กล่าวว่า เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับภาวะหดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มากกว่าที่ทางบีโออีเป็นกังวล แต่ภาพรวมก็ยังไม่มีอะไรการันตีได้เกี่ยวกับการรีบาวน์ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการว่างงานที่น่าจะยังเพิ่มสูงขึ้น

· ญี่ปุ่นชี้ เศรษฐกิจเกือบจะหยุดภาวะย่ำแย่ลงแล้ว ซึ่งถือเป็นมุมมองเชิงบวกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018

รัฐบาลญี่ปุ่นมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในเดือนมิ.ย. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 ท่ามกลางภาวะความย่ำแย่ที่มีมากขึ้น เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา

แม้ว่าเศรษฐกิจจะเผชิญกับหลายๆเหตุการณ์ในช่วงเกิดวิกฤตไวรัสโคโรนา แต่ก็เชื่อว่าเกือบทั้งหมดได้หยุดรับผลกระทบเชิงลบแล้ว

นอกจากนี้ ยังคาดว่าผลกระทบที่เศรษฐกิจได้รับถือว่าย่ำแย่ที่สุดในไตรมาสนี้ แต่การประเมินเศรษฐกิจใหม่ของทางรัฐบาลดูจะช่วยเพิ่มสัญญาณบวกทีว่าการใช้จ่ายผู้บริโภค และความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจจะมีการฟื้นตัวหลังจากที่มีการคลายมาตรการฉุกเฉินที่ประกาศใช้ในช่วงปลายเดือนพ.ค.

· น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นตามความเชื่อมั่นด้านการปรับลดอุปทานน้ำมัน คาดเห็นอุปสงค์ฟื้น

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นตลาดจากความหวังที่ว่าบรรดาผู้ผลิตน้ำมันและชาติพันธมิตรที่ให้คำมั่นที่จะทำการปรับลดกำลังการผลิต และการที่เทรดเดอร์น้ำมันเจ้าใหญ่ 2 รายระบุถึงการจะเห็นอุปสงค์ฟื้นตัว

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 14 เซนต์ หรือ +0.4% ที่ 38.98 เหรียญ/บาร์เรล ด้าน Brent ปรับขึ้น 7 เซนต์ หรือ +0.2% ที่ระดับ 41.58 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งน้ำมันดิบทั้งสองชนิดต่างก็ปิดปรับขึ้นได้กว่า 2% วานนี้

อิรักและคาซัคสถานมีแผนจะร่วมมือกันหารือเรื่องการปรับลดการผลิตที่ระบุว่าจะร่วมมือกันปรับลดอุปทานเพื่อสนับสนุนตลาด ซึ่งเป็นการให้คำมั่นเพิ่มหลังจากที่ผลประชุม OPEC+ ทำการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต

ทั้งนี้ หากบรรดาผู้ผลิตยังล่าช้าในการจัดการกับการหาวิธีชดเชยกับการผลิตที่มากเกินไปในช่วงเวลา 3 เดือน ก็จะส่งผลให้เกิดปริมาณน้ำมันดิบในตลาดที่สูงเกิน หากกลุ่ม OPEC+ ยังยืนกรานที่จะไม่ทำการขยายการผลิตน้ำมันที่ระดับ 9.7 ล้านบาร์เรลออกไปมากกว่าเดือนก.ค.

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com