· S&P500 และดาวโจนส์ปิดแดนลบในคืนวันศุกร์
ดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวลงเป็นลักษณะแกว่งขึ้นและลงในกรอบ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่วิกตกกังวลต่อยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะที่บริษัท Apple Inc มีการประกาศปิดสาขาบางแห่งในพื้นที่ฟลอริดา, แอริโซนา, เซาท์แคโรไลนา และนอร์ทแคโรไลนา จากการพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน จึงบดบังข่าวคาดการณ์ที่จะเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ดัชนีดาวโจนส์ปิด -208.64 จุด หรือ -0.8% ที่ 25,871.46 จุด ทางด้าน S&P500 ปิด -0.56% ที่ 3097.74 จุด และ Nasdaq ปิด -0.03% ที่ 9,946.12 จุด
ภาพรวมรายสัปดาห์ทั้ง 3 ดัชนีหลักยังคงปิดสัปดาห์ในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +1.04% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ดัชนี S&P500 จบสัปดาห์ที่ +1.86% ทางด้าน Nasdaq ปิด +3.73%
ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 6 รัฐ และมีการเริ่มกลับมาบังคับการใช้หน้ากากอนามัยมากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจกลับมาเปิดทำการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่จีนพบว่าเริ่มมีการเข้าควบคุมการระบาดหลังจากที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม
· ดัชนีดาวโจนส์เช้านี้ร่วงลงกว่า 100 จุดเหตุผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดัชนีฟิวเจอร์สเช้านี้ปรับตัวลดลงต่อจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเปิด -127 จุด หรือคิดเป็น -0.5% ทางด้านดัชนี S&P500 และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์สเปิดปรับตัวลง 0.4% และ 0.3% ตามลำดับ
ข่าวที่ว่าเฟดจะทำการเข้าซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชน ควบคู่กับยอดค้าปลีกสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่คาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็ยังเป็นปัจจัยที่กดดันการฟื้นตัวต่อตลาดหุ้น
· หุ้นยุโรปปิดปรับขึ้น นักลงทุนจับตาสถานการณ์ไวรัสโคโรนา ขณะที่หุ้นบริษัท Wirecard ดิ่ง -35%
ตลาดหุ้นยุโรปก็ปิดปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ให้ความสนใจไปยังการระบาดรอบใหม่ของไวรัสโคโรนา ประกอบกับจับตาข้อมูลเศรษฐกิจและข้อเสนอของทางการเงินของอียู โดยดัชนี Stoxx 600 ปิด +0.6% ท่ามกลางหุ้นส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวแดนบวก
CEO บริษัท Wirecard ของเยอรมนีประกาศลาออกส่งผลให้หุ้นบริษัทดังกล่าวดิ่งลงกว่า -35%
ยอดเงินกู้ยืมในอังกฤษปรับตัวขึ้นแตะ 1.037 แสนล้านปอนด์ (1.289 แสนล้านเหรียญ) ในช่วงระหว่างเดือนเม.ย.- พ.ค. และสะท้อนว่าหนี้สาธารณะที่เป็นส่วนหนึ่งของจีดีพีจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1963 อันเป็นผลจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
ข้อมูลเงินเฟ้อเยอรมนีเดือนพ.ค. ดิ่งลง -2.2% หลังจากที่ร่วงลงไป -0.4% ในเดือนก่อนหน้า
ยอดค้าปลีกในอังกฤษประจำเดือนพ.ค. ปรับตัวลง -13.1% เมื่อเทียบรายปี จากคาดการณ์เดิมที่ -17.1% ขณะที่ยอดค้าปลีกอังกฤษเริ่มกลับมาปรับขึ้นได้ประมาณ 12% จากที่มีการคลายมาตรการ Lockdown
กลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจกับการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในหลายพื้นที่ทั่วโลก นำโดยสหรัฐฯที่กลับมาเปิดทำการและพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ขณะที่ล่าสุดศูนย์กลางควบคุมการระบาดจีน กล่าวว่า การระบาดในจีนอยู่ภายใต้การควบคุมเป็นที่เรียบร้อย
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับลดลง เนื่องจากไวรัสโคโรนาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ก่อนการประกาศอัตราดอกเบี้ยของจีนในวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง โดยเช้านี้ ดัชนี Nikkei ลดลง 0.6% จากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตหุ่นยนต์ Fanuc ลดลงมากกว่า 2% ด้านดัชนี Topix ลดลง 0.36% และดัชนี Kospi เกาหลีใต้ ลดลง 0.6% เช่นเดียวกัน รวมทั้งดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย ลดลง 0.43%
โดยเหล่านักลงทุนในตลาดให้ความสนใจไปยังจำนวนยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนารายใหม่ในสหรัฐฯ ที่มีการติดเชื้อใหม่มากกว่า 30,000 ตามรายงานจาก Johns Hopkins University ในวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ของจีน กล่าวว่า เมืองหลวงของจีนในกรุงปักกิ่งสามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ได้เกือบ 1 ล้านคนต่อวัน
สำหรับวันนี้จีนจะประกาศกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานประจำเดือนมิ.ย. ซึ่งสำนักข่าว Reuters คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลาหนึ่งปี
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.29%
· นักบริหารการเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ไว้ที่ระหว่าง 30.80-31.25 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ข้อมูลการส่งออกของไทยเดือนพ.ค. และสัญญาณการระบาดซ้ำของโควิด-19 ในหลายประเทศ
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนมิ.ย. ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก Core PCE Price Index เดือนพ.ค. ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย. และจีดีพีไตรมาส 1/63 นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือน มิ.ย. ของประเทศอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำคณะผู้บริหารเข้าพบเพื่อหารือและรับฟังข้อเสนอแนะแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา(โควิด-19) ด้วยการประสานเพื่อขับเคลื่อนการทำงานในรูปแบบ New Normal
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ร่วมกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ได้ดำเนินการเสนอขายและออกหุ้นกู้สกุลเงินยูโร มูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 17 ล้านยูโร แบ่งเป็น 17,000 หน่วย อายุหุ้นกู้ประมาณ 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 0.52% ต่อปี และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อันดับความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด F1+(tha) ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศผ่านเทคโนโลยี Distributed Ledger Technology (DLT) หรือบล็อกเชน (Blockchain) ภายใต้
- โครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับตลาดทุน ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย ที่เสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศผ่านโครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมธุรกรรมครั้งนี้
- รมว.คลังไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ผู้ประกอบการค้าปลีกต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการช็อปช่วยชาติ และขยายวงเงินให้สามารถนำค่าใช้จ่ายไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มเป็น 50,000 บาท เพื่อจูงใจให้ประชาชนออกมาจับจ่ายสินค้า หลังยอดรายได้ชะลอตัวลงว่า กระทรวงการคลัง พร้อมรับข้อเสนอของภาคเอกชนมาพิจารณา ซึ่งหากเห็นว่าสิ่งใดที่มีความจำเป็นและเหมาะสมก็จะดำเนินการ รวมไปถึงมาตรการด้านภาษีที่เกี่ยวข้องด้วย
- รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของไทยมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งของคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯและภาคเอกชน หรือไบโอเน็ต-เอเชีย ที่ภาพรวมอยู่ในขั้นตอนการทดลองในหนู ซึ่งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมการแพทย์ว่าผลการทดลองเป็นไปด้วยดี มีภูมิต้านทานในสัตว์ทดลอง โดยหลังจากนี้จะมีการทดลองในลิง และทดลองในคน ทุกอย่างมีลำดับขั้นตอน และกว่าจะทดลองในคนก็ต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัย แต่น่าจะเริ่มได้ในอีก 3-4 เดือนนับจากนี้