ทองเผชิญแรงเทขายหลังทำสูงสุดตั้งแต่ต.ค. 2012
· ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังไปทำสูงสุดในรอบเกือบ 8 ปีในช่วงต้นตลาดจากแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนหลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นอย่างมาก ประกอบกับจำนวนยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นจึงทำให้นักลงทุนเลือกที่จะกลับเข้าถือครองเงินสดมากขึ้น
· ราคาทองคำตลาดโลกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ 1,766.21 เหรียญ จากที่ขึ้นไปทำ High ที่ 1,779.06 เหรียญ ซึ่งเป็นสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ต.ค. ปี 2012
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนส.ค. ปิด -0.4% ที่ระดับ 1,775.1 เหรียญ
· กองทุนทองคำ SPDR เข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง 4 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ซื้ออีก 7.6 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,176.85 ตัน ซึ่งเป็นระดับการถือครองทองคำที่มากที่สุดตั้งแต่ 12 เม.ย. ปี 2013 ขณะที่ภาพรวมตลอดช่วง 4 วันซื้อรวมกันมากถึง 40.63 ตัน
· หัวหน้าเทรดเดอร์จาก U.S. Global Investors กล่าวว่า ประชาชนกำลังต้องการถือครองเงินสดกันมากขึ้น จึงทำให้ความต้องการลงทุนในพอร์ตการลงทุนเบาบางลง ขณะที่ภาวะ Risk-Off ดูจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการเทขายทองคำบางส่วน
· ความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโคโรนาได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเคลื่อนไหวในแดนลบวานนี้ ขณะที่โลหะมีค่าอื่นๆอย่างซิลเวอร์ก็ปรับตัวลงไปกว่า 2%ที่ 17.59 เหรียญ, พลาเดียมปรับลง 2.1% ที่ 1,883.06 เหรียญ และแพลทินัมปิด -3.1% ที่ 803.65 เหรียญ
อย่างไรก็ดี แม้จะมีแรงเทขายทำให้ทองคำย่อตัวกลับลงมา แต่ก็จะเห็นได้ว่าโดยองค์รวมทองคำปรับขึ้นได้แล้วกว่า 16% ปีนี้ เพราะได้รับแรงหนุนจากการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการปรับลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางต่างๆ
· นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า คาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวก็ดูจะชะลอตัวอยู่ และการใช้ดอกเบี้ยติดลบ ควบคู่กับนโยบายกระตุ้นเงินเฟ้อก็ดูจะส่งผลให้ทองคำมีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้นต่อได้
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก Kitco กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากระตุ้นให้เกิดการกลับมาใช้ Lockdown ในภาคธุรกิจอีกครั้ง ซึ่งอาจจะหมายถึงการส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และทองคำมักจะถูกใช้เป็น Safe-Haven