· ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นก่อนปิดไตรมาส
ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เข้าถือสถานะก่อนปิดไตรมาส ประกอบกับตลาดมีแรงกดดันจากยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้นในบางรัฐของสหรัฐฯ และนักลงทุนรอคอยข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯประจำเดือนมิ.ย.ในคืนวันพฤหัสบดีนี้ จึงทำให้เกิดการปรับพอร์ตการลงทุน
โพลล์สำรวจนักเศรษฐศาสตร์จากรอยเตอร์ส ชี้ว่า จำนวนการจ้างงานสหรัฐฯถูกคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่ม 3 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ แม้ว่าเมื่อคืนนี้ข้อมูลยอดอนุมัติที่รอปิดการขายบ้านในสหรัฐฯมีการรีบาวน์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค. แต่การที่ รัฐเท็กซัส, ฟลอริดา และแคลิฟอร์เนีย มีการพิจารณากลับมาปิดทำการภาคบริษัทบางแห่ง อาทิ ผับบาร์ เพื่อชะลอการระบาดของไวรัสก็ดูจะสร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ
ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่า 0.08% ที่ 97.56 จุด ขณะที่ยูโรก็แข็งค่ามา 0.11% ที่ระดับ 1.1229 ดอลลาร์/ยูโร โดยค่าเงินยูโรเกิดสภาวะ “Golden Cross” จากการที่เส้นค่าเฉลี่ย MA 50 วัน ตัดเหนือเส้นค่าเฉลี่ยราย 200 วัน จึงเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจเห็นยูโรมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าได้อีกในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า
ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.45% ที่ระดับ 107.69 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ ก็อ่อนค่าลงทำต่ำสุดรอบ 1 เดือน จากความกังวลที่ว่ารัฐบาลอังกฤษจะจัดการกับแผนโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร ประกอบกับตลาดไม่แน่ใจว่าอังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับทางอียูได้หรือไม่ เนื่อง่จากมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยหลังจากที่อังกฤษออกจากอียูอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ม.ค. โดยเงินปอนด์ปิด -0.41% ที่ 1.2283 ดอลลาร์/ปอนด์
· ถ้อยแถลงประธานเฟดยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจที่เผชิญกับความไม่แน่นอนและความท้าทาย
นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงมีความไม่แน่นอนอย่างมาก และทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับการควบคุมสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และความพยายามของภาครัฐในการช่วยสนับสนุนทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ นายโพเวลล์ กล่าวย้ำก่อนเตรียมการกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรส โดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการฟื้นตัวขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ภาคธุรกิจมีการกลับมาเปิดทำการได้หลังจากที่เผชิญกับภาวะ Shutdown เป็นเวลาหลายเดือนเพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนา
· ประธานเฟดซานฟรานซิสโก กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่ตัดสินเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นางแมรี ดาลีย์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่ตัดสินถึงความแข็งแกร่งในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากที่เศรษฐกิจกลับมาเปิดทำการได้ โดยนางดาลีย์ มองว่า แนวโน้มการฟื้นตัวดูจะขึ้นกับว่าจะมีการกลับมาShutdown อีกครั้งหรือไม่ หรือการกำหนดกลยุทธ์ในการจัดการว่าเพียงพอที่จะควบคุมไวรัสหรือไม่ และการอนุญาตให้ประชาชนกลับเข้าทำงาน
· CDC ชี้สหรัฐฯมีการระบาดของไวรัสมากเกินไปที่จะทำการควบคุม หลังพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ
ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ (CDC) ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคราเป็นไปอย่างรวดเร็วทั่วสหรัฐฯและมีการทำระดับการติดเชื้อใหม่รายวันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และดูจยากต่อกาเข้าควบคุม โดยเฉพาะทางตอนใต้และทางตะวันออกของประเทศ และเพิ่มสูงกว่ายอดผู้ติดเชื้อเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนเม.ย.
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะเข้าควบคุมได้เหมือนประเทศนิวซีแลนด์ หรือสิงคโปร์ หรือแม้แต่เกาหลีใต้เองก็พบผู้ติดเชื้อใหม่ที่กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการนำรายชื่อทั้งหมดเพื่อทำการตรวจสอบ ติดตาม และคัดกรองผู้ป่วย รวมทั้งผู้ที่สัมผัสกล้ชิดก็จะต้องมีการกักกันตนเองจึงทำให้สถานการณ์ควบคุมได้ แต่สหรัฐฯนั้นพบว่ามีการระบาดที่มากเกินไปทั่วประเทศในเวลานี้
· สถานการณ์ทางการเมืองในสหรัฐฯ พรรคเดโมแครตค้านข้อเสนอโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1.5 ล้านล้านเหรียญสำหรับช่วง 10 ปีข้างหน้า
· สหรัฐฯเริ่มต้นลดสถานะการค้าพิเศษฮ่องกง
สหรัฐฯเริ่มต้นทำการลดสถานะการค้าพิเศษฮ่องกงภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ โดยมีการระงับการส่งออกบางรายการ และการจำกัดการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีขั้นสูง จากการที่จีนมีการจัดการเตรียมกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงฉบับใหม่
ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯยังไม่มีการให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวกับข้อเสนอที่ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสรัฐฯ ที่กล่าวว่าการประเมินนโยบายใหม่ดังกล่าวเป็นผลบังคับจากกรณีที่จีนจำกัดอิสรภาของฮ่องกง
· นักเศรษฐศาสตร์ คาด อีซีบีอาจหนุนการเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มกว่าล้านล้านยูโร
นักเศรษฐศาสตร์ คาด อีซีบีอาจขยายโครงการเข้าซื้อพันธบัตรออกไปอีก 1 ล้านล้านยูโร (1.2 ล้านล้านเหรียญ) ในอีก 2 – 3 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อนั้นกลับสู่เป้าหมายที่กำหนดได้ หลังจากที่ช่วงต้นเดือนมิ.ย. อีซีบีมีการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อผ่านโครงการPEPP อีก 6 แสนล้านยูโร ทำให้ปัจจุบันมียอดรวมสุทธิ 1.35 ล้านล้านยูโร ในการสนับสนุนเศรษฐกิจเพื่อต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโคโรนา
ดังนั้น เราจึงอาจเห็นอีซีบีมีการเพิ่มวงเงินได้อีก 8 แสนล้านยูโร – 1.6 ล้านล้านยูโร โดยทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับการพิจารณามุมมองทางด้านเงินเฟ้อ และความสำเร็จต่อแผนเงินกู้ระยะยาวของอีซีบี แม้ว่า ณ ปัจจุบันอีซีบีจะมีการระงับการทบทวนกลยุทธ์การดำเนินนโยบายเป็นการชั่วคราว
· “แมร์เคล” และ “มาครง” หวังว่า “EU Summit” จะเห็นข้อตกลงด้านงบประมาณ และกองทุนฟื้นฟูยูโรโซน
นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ต่างก็คามดหวังที่จะเห็นการประชุมอียูซัมมิทในระหว่าง 17 – 18 ก.ค. นี้ สามารถบรรลุข้อตกลงด้านงบประมาณกว่า 1 ล้านล้านยูโรได้ ควบคู่กับกองทุนการฟื้นฟูยูโรโซนได้
· อังกฤษสั่ง Lockdown เมืองเลสเตอร์ หลังยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่ง
รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เผยว่า เมืองเลสเตอร์ของอังกฤษเป็นอีกแห่งที่กลับเข้าสู่นโยบาย Lockdown อีกครั้ง อันเนื่องจากอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาครั้งใหม่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เมืองอื่นๆจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมในวันที่ 4 ก.ค.
อย่างไรก็ดี ภาครัฐเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเมืองเลสเตอร์ส ประกอบสถานศึกษาและร้านค้าทั่วไปจะต้องมีการปิดชั่วคราวในเมืองดังกล่าวอีกครั้ง
· ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอังกฤษติดลบน้อยลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ม.ค.
ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอังกฤษฟื้นตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ม.ค. ก่อนที่ประเทศจะมีการผ่อนคลาย Lockdown โดยผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอังกฤษออกมา -30% ในเดือนมิ.ย. จากเดินที่ระดับ -41% ในเดือนก่อนหน้า
· รัฐมนตรีคลังเกาหลีใต้ จับตาตลาดการเงินและสภาพคล่องในตลาด
รองรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ กล่าวถึงการเตรียมกำหนดช่องทางสำหรับกองทุนเงินตรารหว่างประเทศเพื่ออัดฉีดสู่ภาคบริษัทการเงินท้องถิ่น ตลอดจนการกลับเข้าซื้อตามข้อตกลงชั่วคราวเพื่อเสริมสภาพคล่อง หลังจากที่พบว่าระบบเริ่มเผชิญกับความเสี่ยง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจะทำการจับตาไปยังตลาดการเงิน และสภาคล่อง รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนา และความเสี่ยงอื่นๆ อันเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่อาจกลับมาสร้างความผันผวนมากขึ้นให้แก่ตลาด
· น้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจ แต่การระบาดของไวรัสยังจำกัดการฟื้นตัว
ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นประมาณ 1 เหรียญวานนี้ หลังจากที่ข้อมูลเศรษฐกิจทางฝั่งเอเชียและยุโรปออกมาดีขึ้น แต่นักลงทุนก็ยังคงมีความวิตกกังวลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารอบใหม่ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 69 เซนต์ หรือ +1.7% ที่ระดับ 41.71 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.21 เหรียญ/บาร์เรล หรือ +3.1% ที่ 39.70 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ตลาดมีแรงหนุนจากการที่ข้อมูลความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนเดือนมิ.ย. ออกมาดีขึ้นแตะ 75.7 จุด จากเดิมที่ระดับ 67.5 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ผลประกอบการและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนออกมาดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน สำหรับข้อมูลในเดือนพ.ค. จึงช่วยสะท้อนถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ