· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังจากข้อมูลภาคการผลิตของจีนประจำเดือนมิ.ย.ขยายตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีความหวังที่จะฟื้นตัวหลังจากที่ได้รับผลกระทบวิกฤตไวรัสโคโรนา
ความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนในภูมิภาคได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา เนื่องจากข้อมูลที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่ง รวมทั้งภาคการผลิตของจีนที่ออกมาดีกว่าที่คาดในวันนี้
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.9% ด้านดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯและดัชนี S&P 500 e-minis เพิ่มขึ้น 0.23%
อย่างไรก็ดี ภาพรวมของตลาดหุ้นเอเชียยังคงลดลง 7% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งตอกย้ำความรุนแรงของผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาและความท้าทายที่นักลงทุนเผชิญเนื่องจากการติดเชื้อทั่วโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี Nikkei พุ่งสูงขึ้นกว่า 400 จุด เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯและจีนที่แข็งแกร่งเกินคาด
จึงช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 293.10 จุด หรือคิดเป็น 1.33% ที่ระดับ 22,288.14 จุด ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 9.55 จุด หรือคิดเป็น 0.62% ที่ระดับ 1,558.77 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า การขนส่งทางอากาศและภาคอสังหาริมทรัพย์
· ตลาดหุ้นจีนปิดปรับตัวสูงขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯและจีนออกมาดีกว่าที่คาด จึงกระตุ้นความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
โดยดัชนี Shanghai Composite เพิ่มขึ้น 0.78% ที่ระดับ 2,984.67 จุด ด้านดัชนีกลุ่มบลูชิพ CSI300 เพิ่มขึ้น 1.32%
· ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวผสมผสานกัน ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางข้อมูลเศรษฐกิจของจีน
โดยดัชนี Stoxx600 ทรงตัว ด้านหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 0.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มมีเดียและน้ำมัน รวมทั้งแก๊ซลดลง 0.5%
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวทิศทางบวกตามการเคลื่อนไหวของตลาดเอเชีย หลังจากที่ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อการผลิต(PMI) ประจำเดือน มิ.ย.ออกมาดีกว่าที่คาด มาอยู่ที่ระดับ 50.9 จุด จากเดิมที่ระดับ 50.6 จุด ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้าปรับตัวขึ้นไปกว่า 10 จุด มาที่ 1,344.54 จุด ก่อนจะพุ่งต่อไปเป็นกว่า 20 จุด รีบาวด์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ออกมาดี โดยเฉพาะจีนและสหรัฐ นอกจากนั้น ราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับ ในประเทศตอบรับปัจจัยบวกการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟส 5 หนุนให้มีแรงซื้อหุ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มแบงก์ พลังงาน และสื่อสาร
เมื่อเวลา 10.01 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,346.44 จุด เพิ่มขึ้น 16.68 จุด (+1.25%)
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
- ธนาคารโลกหั่นเป้าเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็นติดลบมากกว่า 5% จากเดิมคาดติดลบ 3.3% ส่งออกคาดว่าติดลบ 6.3% ชี้แรงงานเสี่ยงตกงานกว่า 8.3 ล้านคน เซ่นพิษโควิด-19 คาดใช้เวลา 2 ปี เศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ภาวะปกติ
นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการ ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารโลกปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ เป็นติดลบมากกว่า 5% จากเดิมคาดติดลบ 3.3% เนื่องจากได้รับผลกระทบรุนแรงจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และน่าจะใช้เวลามากกว่า 2 ปี ที่เศรษฐกิจจะกลับไปสู่ระดับการเติบโตก่อนประสบปัญหาโควิด-19
- กพท.ประกาศเปิดรับชาวต่างชาติตามมาตรการคลายล็อคดาวน์ เฟส 5 เดินทางเข้าไทยได้ มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.63
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ลงนามในประกาศเงื่อนไขในการอนุญาตให้อากาศยานทำการบินเข้าออกประเทศไทย ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้มีการห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศ ไทยเป็นการชั่วคราวมาตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2563 เพื่อสนับสนุนการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโรคโควิด –19 นั้น
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 30 มิถุนาย 2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ตามข้อเสนอของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ให้ขยายการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือน จนถึงสิ้นเดือนกรกฏาคม 2563 เพื่อรองรับการผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมกลุ่มเสี่ยงในเฟส 5 เนื่องจากเป็นกิจกรรมล่อแหลมต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
สำหรับการปลดล็อกระยะที่ 5 จะประกอบด้วย สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต สถานบริการอาบอบนวดและโรงน้ำชา ซึ่งจะเปิดบริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2563 เป็นต้นไป