ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลดลงหลังจากที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง
ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดปรับตัวลง หลังหุ้นบริษัท Amazon, Microsoft และบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นๆปรับตัวลง โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับขึ้นได้เพียงเล็กน้อย 0.04% ที่ 26,085.8 จุด ด้านดัขนี S&P500 ปิด -0.94% ที่ 3,155.22 จุด
ดัชนี Nasdaq ปิด -2.13% ที่ระดับ 10,390.84 จุด และภาพองค์รวมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในกลุ่ม S&P500 ปิด -2.12%
ดัชนี S&P500 ร่วงลงหลังจากที่ไปทำสูงสุดตั้งแต่ 25 ก.พ. โดยรีบาวน์ขึ้นได้กว่า 40% ตั้งแต่ที่ไปทำต่ำสุดช่วงกลางเดือนมี.ค. แต่การเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อไวรัสในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นแอริโซนา, แคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส รวมทั้งอีก 35 รัฐได้สร้างความกังวลแก่ตลาด
ดัชนี Cboe ซึ่งเป็นมาตรวัดความผันผวนของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯพบว่าปรับตัวขึ้นสุงสุดตั้งแต่ 26 มิ.ย.
· เช้านี้ดัชนีหุ้นสหรัฐฯฟิวเจอร์สปรับขึ้นก่อนทราบรายงานผลประกอบการภาคธนาคารสหรัฐฯรายใหญ่ๆ โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สเปิด +80 จุด ด้าน S&P500 เปิด +0.3% และ Nasdaq เปิด +0.4%
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนเพื่อรักษาไวรัสโคโรนา จึงบดบังความกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 1% ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากรพุ่งขึ้น 2% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก
ขณะที่สัปดาห์นี้อยู่ในช่วงฤดูกาลของการประกาศผลประกอบการภาคบริษัท โดยมีธนาคารขนาดใหญ่และอื่น ๆ รายงานผลประกอบการรายไตรมาส อย่างเช่น JPMorgan, Citigroup และ Wells Fargo มีกำหนดรายงานในวันนี้ ขณะที่เมื่อวานนี้ Pepsiรายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ แม้ว่ายอดขายสุทธิจะลดลงราว 3% เนื่องจากผลกระทบจากไวรัสโคโรนาก็ตาม
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง ก่อนหน้าการประกาศข้อมูลการค้าประจำเดือนมิ.ย.ของจีน
เหล่านักลงทุนกำลังรอคอยการประกาศข้อมูลด้านการค้าของจีนในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสามารถให้เบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนหลังจากที่มาตรการ Lockdowns ช่วงต้นปีเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
โดยดัชนี Nikkei futures ในชิคาโกอยู่ที่ระดับ 22,615 จุด ขณะที่ดัชนีในโอซาก้าอยู่ที่ระดับ 22,540 จุด เมื่อเทียบกับดัชนี Nikkei225 ที่บริเวณ 22,784.74 จุด
ด้านดัชนี S&P/ASX 20 ออสเตรเลีย ปิดที่ 5,977.50 จุด
สำหรับเมื่อวานนี้ มีบางธนาคารในสหรัฐฯ อย่างเช่น Citigroup และ JPMorgan Chase รายงานผลประกอบการของบริษัท
· นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 31.35-31.55 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าสวนทางกับภูมิภาคที่ปรับตัวแข็งค่า เนื่องจากมีแรงซื้อค่าเงินดอลลาร์จากภาคธุรกิจ และความกังวลเรื่องการ แพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสองหลังจากปลอดเชื้อมานาน
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งว่า ได้มอบนโยบาย 2 เรื่องให้ธนาคารออมสินไปเร่งดำเนินการ คือ ลดผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ให้ผู้ประกอบการรายย่อย (คนตัวเล็ก) กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย ที่ไม่มีที่พึ่งพิง จนต้องไปกู้หนี้นอกระบบดอกเบี้ย 24-28% ต่อปี โดยขยายมาตรการพักชำระหนี้และให้สินเชื่อเพิ่ม โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและบริการให้ดูแลเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่องตึงตัว
- การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เผยความต้องการใช้ไฟฟ้าของไทยขณะนี้ยังคงปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยปริมาณการใช้ไฟฟ้าในเดือนเม.ย.ติดลบ 9% และหดตัวแรงสุด 10% ในเดือนพ.ค. ขณะที่การผ่อนคลายล็อกดาวน์มาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการแพร่ระบาดในเดือนมิ.ย.ทำให้ยอดการใช้ไฟฟ้าฟื้นตัวขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับติดลบ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- นายกรัฐมนตรีของไทยได้ย้ำความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้วางแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อมุ่งสู่อนาคต ทั้งการพัฒนา Data Center และ Cloud ที่มีมาตรฐานและปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการข้อมูลภาครัฐ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
- โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศที่พักอยู่ใน State Quarantine รับความเสี่ยงติดเชื้อระลอก 2 ใกล้เข้ามาหลังพบรอยรั่วจากผู้เดินทางมาจากตปท.
- กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจให้ชะลอตัว และกระทบมาถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากในปีนี้ ประกอบกับยังมีความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความมั่นใจต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองในประเทศ ซึ่งต้องติดตามว่าการปรับคณะรัฐมนตรีรอบใหม่ จะมีทีมเศรษฐกิจชุดใหม่อย่างไร เพราะจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะต่อไป ทำให้มีความเสี่ยงหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่ออกมาไม่สามารถเข้ามากระตุ้นเศษฐกิจได้ตามคาด
· อ้างอิงจากสำนักข่าว Line Today
- นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบที่ยังกดดันเศรษฐกิจ ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา และสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ถือว่าเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ืยืดเยื้อนำไปสู่การอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของบรรดาธนาคารกลางต่างๆ ส่งผลให้เหล่านักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของค่าเงินและหันมาถือครองทองคำมากยิ่งขึ้น