· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือนจากการคาดการณ์ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปที่สำคัญ
ด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งบริหารยุติการให้สถานะพิเศษต่อฮ่องกงเมื่อวานนี้ เพื่อลงโทษรัฐบาลจีนกรณีบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ เป็นการลิดรอนอำนาจปกครองตนเองขั้นสูงและกดขี่เสรีภาพของชาวฮ่องกง
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ ระบุว่า จีนจะออกมาตรการคว่ำบาตรต่อบุคคลและกลุ่มบริษัทของสหรัฐฯ หลังจากนายทรัมป์ ลงนามในร่างกฎหมายที่กำหนดลงโทษธนาคารที่ดำเนินธุรกรรมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ของทางการจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ทางการจีนขอคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อการดำเนินการล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ และเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ หยุดการแทรกแซงกิจการภายในของจีน
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.14% หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 1% ในช่วงก่อนหน้านี้
· ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา และมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วช่วยสนับสนุนความคาดหวังว่าผลกำไรของ บริษัทจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
การเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นไปตามการปรับตัวสูงขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมา จากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากสหรัฐฯและความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน
โดยบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐฯที่เปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 สำหรับต้านไวรัสดังกล่าวที่ทางบริษัทผลิตขึ้นนั้น สามารถสร้างการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันได้อย่าง "แข็งแกร่ง"
ทั้งนี้ ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 1.59% ที่ระดับ 22,945.50 จุด ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 1.56% ที่ระดับ 1,589.51 จุด
· ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงในวันนี้ โดยดัชนี Shanghai Composite ร่วงลง 1.56% ที่ระดับ 3,361.3 จุด ด้านดัชนี Shenzhen Componen ปิดร่วงลง 1.87% ที่ระดับ 13,734.13 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปรีบาวน์ หลังจากที่ร่วงลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ขณะที่ความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนถูกกดดันจากผลประกอบการรายไตรมาสที่ออกมาผสมผสานกัน
โดยดัชนี Stoxx600 เพิ่มขึ้น 0.8% ด้านหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการพักผ่อน รวมทั้งเหมืองแร่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นในตลาดได้รับแรงหนุนจากผลการทดลองของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพสหรัฐฯที่เปิดเผยว่า วัคซีน mRNA-1273 สำหรับต้านไวรัสดังกล่าวที่ทางบริษัทผลิตขึ้นนั้น สามารถสร้างการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันได้ในระยะแรก
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด -19 มีแนวโน้มกลับมาระบาดรอบ 2
หลังจากทหารอียิปต์ ติดเชื้อโควิด-19 ไม่กักตัว ว่า ภาคเอกชนไม่ต้องการให้รัฐบาลตื่นตระหนกเกินไป จนกลับมาประกาศล็อกดาวน์ รอบ
2 สั่งปิดธุรกิจต่าง ๆ อีกครั้งเนื่องจากขณะนี้ผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ได้รับผลกระทบอย่างหนักทำมาหากินลำบาก จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
กำลังซื้อไม่มี ซึ่งหลาย ๆ ธุรกิจเพิ่งกลับมาเปิดกิจการค่อย ๆ กลับมาฟื้นอีกรอบ หากภาครัฐตัดสินใจเร็วประกาศล็อกดาวน์รอบ 2 จะยิ่งส่ง
ผลกระทบต่อผู้ประกอบการและภาคเศรษฐกิจอย่างหนักทันที แต่สิ่งสำคัญขอให้ภาครัฐเข้มงวดในการป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป
- "คลัง" ยันมีแผนรับมือได้หากโควิด-19 ระบาดรอบ 2 แจงที่ผ่านมาไทยรับมือได้ดี เชื่อสถานการณ์ที่เกิดตอนนี้ไม่บานปลาย มั่นใจโครงการเที่ยวไปด้วยกันยังเดินหน้าต่อได้ "วิรไท" ย้ำเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
- รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับสถาบันการเงิน ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ ผู้ค้าทองคำออนไลน์ กลุ่มตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทีเฟ็กซ์ และกระทรวงการคลัง เพื่อปรับแก้เกณฑ์ใหม่สนับสนุนให้ใช้
การซื้อขายทองคำในรูปแบบของเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะปัจจุบันผู้ค้าทองใช้การซื้อขายทองคำรูปแบบเงินบาทไทยเกือบทั้งหมด จึงส่งผลต่อค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา แต่การปรับแก้เกณฑ์ต้องใช้เวลาหารือสรุปกันอีกมาก เพราะกังวลว่าจะกระทบต่อชาวบ้านที่ซื้อขายทองเป็นรายย่อย คาดว่าประกาศได้ในปีนี้
- "แบงก์ชาติ" ยันไม่ต่ออายุมาตรการ "พักชำระหนี้" เป็นการทั่วไปในกลุ่มเอสเอ็มอี หวั่นสร้างผลข้างเคียงกระทบวินัย ชำระหนี้ ฉุดเสถียรภาพระบบการเงินระยะยาว ขณะแบงก์พาณิชย์มีภาระต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือที่ตรงจุด พร้อมลุยศึกษาผลกระทบจากดอกเบี้ยต่ำนาน ห่วงผู้ออมเงิน ย้ำโอกาสเห็นดอกเบี้ย 0% มีน้อย
- "กระทรวงพลังงาน" ทบทวนแผนพลังงานรับผลกระทบโควิด เลื่อนใช้อี 20 เป็นน้ำมันมาตรฐาน เดินหน้าปรับพีดีพีครั้งที่ 2 กฟผ.ชี้ยอดใช้ไฟลดลง 3% ดันต้นทุนผลิตเพิ่มขึ้น ค้านนำกำไร 3 การไฟฟ้าไปลดค่าไฟ ปตท.คาดครึ่งปีหลัง น้ำมันดิบทรงตัว 40 ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจราคาหุ้นกลุ่ม SET50 เทียบกับราคาเฉลี่ยล่าสุดของนักวิเคราะห์ พบหลายบริษัทยังมีอัพไซด์สูง โดยเฉพาะในกลุ่ม แบงก์ อสังหาฯ ค้าปลีก ที่มีอัพไซด์สูงถึง 20-30% ขณะที่ TOA และปิโตรฯ อัพไซด์เริ่มเหลือน้อย
*** SET ย่อทำหุ้น SET50 อัพไซด์กว้าง
หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลายลง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET Index)ก็ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องจนแตะ 1,454.95 จุดไปเมื่อ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนหลายรายมองว่าหุ้นไทยเริ่มแพงเกินพื้นฐานไปแล้ว
อย่างไรก็ดีดัชนีกลับปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด (14 ก.ค.63) อยู่ที่ 1,341.07 จุด ลดลงมาถึง 113 จุด หรือ -7.8% ทำให้หุ้นที่นักลงทุนเคยมองว่าแพงนั้น กลับมามีอัพไซด์เปิดกว้างอีกครั้ง
ซึ่งจากการสำรวจราคาหุ้นล่าสุดของหุ้นในกลุ่ม SET50 เทียบกับราคาเฉลี่ยล่าสุดของนักวิเคราะห์พบว่าหลายบริษัทมีอัพไซด์สูง โดยเฉพาะกลุ่ม แบงก์ อสังหาริมทรัพย์ และค้าปลีกที่มีอัพไซด์สูงถึง 20 - 30%
· อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 63 ที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทย พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 5 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 3,232 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ที่เข้าพักอยู่ใน State Quarantine ส่วนในประเทศไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องเป็นเวลา 51 วัน ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 58 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายกลับบ้านแล้ว 3,092 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 82 ราย