· ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลจากไวรัสโคโรนา และถูกกดดันหุ้นกล่มเทคโนโลยี
ดัชนี S&P 500 ลดลง โดยถูกกดดันจากหุ้นของ Microsoft Corp (MSFT.O) และ Apple Inc (AAPL.O) ลดลงเนื่องจากระดับการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ยอดค้าปลีกในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิ.ย. แต่ยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสโคโรนารายใหม่ที่เพิ่มขึ้นกำลังบดบังการฟื้นตัวของภาคการผลิต
ยอดผู้ติดเชื้อจากไวรัสดังกล่าวส่งผลให้รัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐอื่น ๆ ต้องปิดตัวลงอีกครั้ง ทำให้เกิดความหวาดกลัวต่อความเสียหายทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งดัชนี S&P 500 เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.พ.ประมาณ 5%
โดยดัชนีดาวโจนส์ ปรับลดลง 0.5% ปิดที่ระดับ 26,734.71 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.34% ที่ระดับ 3,215.57 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับลง 0.73% ที่ระดับ 10,473.83 จุด
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง หลังอีซีบีตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ตามที่คาด
ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยไม่ได้รับแรงหนุนจากข้อมูลการเติบโตของจีนซึ่งแสดงให้เห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
อีซีบีตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและวงเงินในการซื้อพันธบัตร ขณะที่ยังคงให้ความสนใจไปยังเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx600 ลดลง 0.46% ด้านหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและการพักผ่อนร่วงลง 1.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุปรับตัวสูงขึ้น 0.5%
· ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ร่วงลงเเมื่อวานนี้ ซึ่งหุ้นจีนร่วงมากกว่า 4%
ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์ของ National Bank of Australia คาดว่าภาพรวมจะ “ระมัดระวังการลงทุน” หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนักเมื่อวานนี้พร้อมกับข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผย ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.3 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.25 ล้านราย
โดยเช้านี้ดัชนี Nikkei เพิ่มขึ้น 0.29% ด้านดัชนี Topix เพิ่มขึ้น 0.13% รวมทั้งดัชนี Kospi เพิม่ขึ้น 0.54%
ดัชนี S&P/ASX 200 ปรับตัวสูงขึ้น 0.41%
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.13%
· บริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ระหว่าง 31.60 - 31.85 บาท/ดอลลาร์
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- "กลุ่ม 4 กุมาร" นำโดยนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง พร้อมนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ร่วมแถลงข่าวเปิดใจภายหลังยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งที่จะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รวมทั้งของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์รองนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน โดยยืนยันว่าเป็นการจากกันด้วยดี และถือเป็นเวลาที่เหมาะสมที่ตัดสินใจลาออกตอนนี้เพื่อช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองที่มีต่อนายกรัฐมนตรีในการตัดสินใจปรับ ครม.
- โฆษกรัฐบาล เผย นายกรัฐมนตรียืนยันว่าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะทำให้แล้วเสร็จไม่เกินเดือน ส.ค.นี้ โดยจะเป็นผู้พิจารณาด้วยตัวเอง พร้อมกันนี้ มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถมาทำหน้าที่ได้ โดยเฉพาะการเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ต้องยอมรับว่าปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากสถานการ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมมาตรการ รวมถึงโครงการต่างๆ ในการฟื้นฟูประเทศเอาไว้แล้ว
- นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) มองแนวโน้มตลาดการเงินทั่วโลกในช่วงที่เหลือของปี 63 ยังคงมีความผันผวน แม้ว่าจะเริ่มเห็นเงินทุนไหลกลับเข้ามาในสินทรัพย์ต่างๆ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มดีขึ้น และเริ่มมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจกลับมา แตกต่างจากช่วงเดือน มี.ค.ที่ความกังวลโควิด-19 กระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุน ทำให้นักลงทุนต่างเทขายสินทรัพย์ต่างๆ ทั้งตราสารหนี้ หุ้น และทองคำ